ช่วงนี้อาจารย์ยักษ์ได้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับเรื่องวัฒนธรรมหลากหลาย โดยเฉพาะศูนย์ศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏหลายๆ แห่งได้มีโอกาสพูดคุยกันหรือแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้างเวลาที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ส่งคนมาศึกษาดูงานที่มาบเอื้อง ก็อดคิดไม่ได้ว่า วัฒนธรรมไทยขณะนี้ไปเลียนแบบวัฒนธรรมฝรั่งมาเสียมาก ซึ่งในสายตาอาจารย์ยักษ์ วัฒนธรรมฝรั่งที่ดีงามก็พอมีอยู่ แต่ขณะนี้สิ่งที่แพร่มาสู่สังคมไทยล้วนเป็นหายนะธรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ หายนะธรรมที่ว่าก็คือวัฒนธรรมการบริโภคที่เป็นการทำลาย วัฒนธรรมจำนวนมากเป็นการทำลายล้างโลกด้วยการสูบกินเอาทรัพยากรไปอย่างไม่บันยะบันยัง จนถึงขนาดที่ว่าหากเราใช้วิถีชีวิตที่เป็นวิถีของคนทั้งโลกที่เลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกเช่นนี้ต่อไป แม้ในปัจจุบันโลกใบนี้ก็ไม่พอสำหรับการบริโภคแล้ว ต้องหาโลกมาอีกครึ่งโลก และหากยังคงทำเช่นนี้ต่อไปอีกสัก 10 ปี 20 ปี ต้องหาโลกมาอีกใบหนึ่งจึงจะพอสำหรับการบริโภคปริมาณนี้ ดังนั้นโลกใบนี้จึงจะถูกทำลายไม่เหลือหลอเลย เห็นได้ชัดจากโลกที่เคยมีต้นไม้อยู่เต็มไปหมดคนก็ตัดออกจนเหี้ยนเตียน เมื่อไม่มีต้นไม้ก็ไม่มีอากาศ ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหารกิน มนุษย์เองก็ “สิ้นแนว” คือไม่มีทางไปหรือสูญสิ้นอารยธรรมนั่นเอง
ขณะที่อารยธรรมบ้านเราซึ่งเป็นอารยธรรมของซีกโลกตะวันออกเป็นอารยธรรมที่มีชีวิตเรียบง่าย พยายามอยู่อย่างประหยัด ใช้พลังงานน้อย ใช้ทรัพยากรของโลกน้อย จึงสามารถรักษาโลกนี้ไว้ได้เป็นเวลายาวนาน รักษาอากาศบริสุทธิ์ รักษาแหล่งน้ำไว้ได้ยั่งยืนด้วยพิธีที่กำหนดไว้ทำให้คนเคารพบูชาธรรมชาติ ป่าไม้ ต้นน้ำ กันพื้นที่ไว้ไม่ให้คนเข้าไปเหยียบย่ำ ธรรมชาตินั้นถูกยกย่องไว้เหนือมนุษย์ คนก็ไม่ทำลาย อารยธรรมแบบนี้จึงทำให้มนุษย์มีชีวิต มีเผ่าพันธุ์อยู่ได้ยั่งยืนเป็นเวลายาวนาน จึงเป็นที่น่ายินดีว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏหลายแห่งลุกขึ้นมาฟื้นฟูรักษาอารยธรรมท้องถิ่นเอาไว้
นอกจากนั้น ช่วงนี้อาจารย์ยักษ์ก็ได้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับหมอ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดโครงการอบรมสัมมนา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขจำนวน 90 ท่าน ซึ่งก็ได้ชักชวนกันมาจาก 6 โรงพยาบาลทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสาธารณสุข ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย มาร่วมสัมมนากัน หลังจากเสร็จงานสัมมนา อาจารย์ยักษ์ก็ได้หารือกับทางคุณเพียรพันธ์ อัศวพิทยาผู้อำนวยการสถาบันแก้วกัลยาว่าน่าจะมีการออกไปติดตามประเมินผลว่าเมื่อเขาอบรมสัมมนาไปแล้ว เอากลับไปจะเอาไปใช้ได้ผลแค่ไหนอย่างไรก็ จึงมีการออกไปติดตามร่วมกับคณะซึ่งก็มีดร.มกรพันธุ์ จูฑะรสก ดร.ลิลลี่ ศิริพร คุณญาดา เชาวสกุล และคุณเพียรพันธุ์ผู้อำนวยการแก้วกัลยา สิขาลัย หรือผอ.น้องนั่นเอง คณะที่ไปนิเทศงานนี้ก็เป็นคณะที่มีใจ ตั้งใจจริงและคึกคักมากพอได้ไปลงในพื้นที่จริงก็ยิ่งมีความหวัง โดยครั้งนี้ได้มีโอกาสไปติดตามที่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนม กับโรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้อาจารย์ยักษ์รู้สึกอุ่นใจได้มากขึ้นว่า นอกจาก ครู นอกจากพระแล้วยังก็มีหมอมีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขนี่แหละที่จะมาร่วมพลิกฟื้นอารยธรรมที่ดีงามของสังคมไทย ซึ่งเราอาจจะเรียกว่า อารยธรรมพอเพียง หรืออารยธรรมภายใต้ปรัชญาพอเพียงของพระเจ้าแผ่นดินของเรานั่นเอง
วันแรกอาจารย์ยักษ์ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนม ซึ่งส่งหมอมาอบรม 2 ท่านพร้อมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ กลับไปก็ได้เห็นว่าแม้แต่บ้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลคือ นายแพทย์สมคิด สุริยเลิศ ก็มีทั้งแปลงผักไร้สารพิษและพืชผักสมุนไพร นอกจากนั้นในโรงพยาบาลก็ยังมีแปลงผักและสมุนไพรของโรงพยาบาลเองอีก มีอาคารแพทย์ทางเลือก มีแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีนฝังเข็ม มีการนำเอาสมุนไพรมาใช้ มีการนวดประคบ อบสมุนไพรที่จะพึ่งตนเอง แถมยังมีชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ มีการผลิตน้ำยาใช้กันเองในโรงพยาบาลแล้ว แม้ในบ้านของพยาบาลเองก็เริ่มไปทำอาหารปลอดภัย ปลูกพืช ปลูกผักอินทรีย์กินกันเองแล้วในโรงพยาบาลก็ดูคึกคักดีมาก หมอที่มาอบรมได้พากันไปพัฒนากันในโรงพยาบาลแล้วยังได้รุกออกไปพัฒนาในโรงเรียน และเข้าไปพัฒนาร่วมกับพื้นที่ในค่าย ตชด. ได้พรรคได้พวกได้มากมาย และที่นครพนมเราก็มีศูนย์ตุ้มโฮมของเราอยู่ ก็จะได้เข้ามาร่วมงานกันเพราะนับไปนับมาเขายังเป็นญาติกันเสียอีก งานนี้เลยได้ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ มาเห็นแบบนี้อาจารย์ยักษ์ก็คิดว่าการเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่จังหวัดนครพนมทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวน่าจะเป็นการฟื้นคืนกลับมาของอารยธรรมพอเพียงที่นครพนมได้เป็นอย่างดี ส่วนที่กาฬสินธุ์ก็ไม่น้อยหน้าแต่จะขอยกไปเล่าในสัปดาห์หน้า +
แหล่งที่มา:
พอแล้วรวย คมชัดลึก วันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2556