เรื่องราวของคณะ “บุกภูฟ้า เดินหน้ารักษาโลก” ที่อาจารย์ยักษ์เกริ่นไว้ว่าจะเล่าให้ฟังต่อ จำเป็นจะต้องขอยกไปเล่ายาวๆ ในตอนต่อๆ ไป เหตุเพราะว่ามีงานใหญ่กำลังรอพวกเราชาวกสิกรรมธรรมชาติ และผู้ที่สนใจเรื่องราวของอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งภูมิปัญญาทางการเกษตรและการกสิกรรม ไปจนถึงการเปลี่ยนวิถีชีวิตจากคนเมืองไปสู่การมีชีวิตแบบพอเพียงได้เข้ามาติดตามข่าวคราว นั่นคือ การจัดงาน “มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดิน” งานใหญ่ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีราวกลางเดือนมีนาคม

 

ปีนี้เครือข่ายเราจัดงานชื่อว่า  งานมหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดิน ครั้งที่ 7 “อึดแนวกิน สิ้นแนวแท้” : อาหารหมดโลก มนุษย์สูญพันธุ์ จัดขึ้นที่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 15-17 มีนาคม ที่จะถึงนี้  ซึ่งเป็นงานประจำปีของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ว่ากันด้วยเรื่องของผลผลิตของการ “ปฏิวัติเขียว” ที่มุ่งทำการเกษตรโดยเอาผลผลิตเป็นที่ตั้ง มีเครื่องจักรต่างๆ เข้ามาช่วยเปลี่ยนวิถีการเกษตร จนเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และสังคม วัฒนธรรม แต่การปฏิวัติการเกษตรครั้งใหญ่เมื่อดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ จึงได้เห็นผลที่แท้จริงว่า การเดินตามเส้นทางสายนั้นกำลังทำลายล้างภูมิปัญญาทางการเกษตรของบ้านเรา และกำลังส่งผลเป็นวิกฤตการณ์ทางด้านอาหาร เมื่อโลกพลิกด้านเกินเลยไปเพราะหลงไปกับมายา คือ “เงิน” เป็นใหญ่

 

งานนี้ว่ากันด้วยเรื่อง การเกษตรและอาหารปลอดภัยล้วนๆ ใครที่เคยไปมาแล้วรู้ดีว่า พลาดแล้วจะเสียใจ ปีนี้เครือข่ายร่วมกัน “เอาดีออกอวด” มาร่วมกันจากทั่วประเทศ โดยแบ่งพื้นที่เป็น 4 ภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ แต่ละภาคก็จะมีลูกศิษย์ ลูกหา จากเครือข่ายภาคนั้นๆ เดินทางกันมาปรับปรุงพื้นที่ แสดงวิถีชีวิตที่พวกเขาอยู่กันจริงๆ ในภาคนั้นๆ แล้วยังขนเอาภูมิปัญญาที่ได้ร่ำเรียนไปแล้วนำลงไปปฏิบัติสำเร็จจริง มาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังว่า ในการทำจริงเมื่อพื้นที่แตกต่างกัน และเมื่อผสานรวมกับความรู้เดิมของบรรพบุรุษนั้นเขาทำสำเร็จได้อย่างไร แน่นอนว่าคนที่จะไปงานจะได้เจอ ปรมาจารย์ขั้นเมพ จากภาคต่างๆ มาอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์ ที่มีลีลาการพูดเป็นขวัญใจของหลายๆ คน กำนันเคว็ดจากหนองใหญ่ที่มาปักหลักคุมหัวหาดตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ลุงนิลจากสวนลุงนิล ก็คงจะขนเอาอาหารสารพัดจากสวนลุงนิลมาทั้งแจก ทั้งขาย ทางอีสานเขายกพลกันมาปักหลักตั้งแต่หัววันเหมือนกัน นำโดยหิ่งห้อย หรือทินกร ปาโท ที่ปีนี้เป็นหัวหน้าจัดงานก็ยกขบวนมาปรับปรุงพื้นที่ภาคอีสานกันแล้ว นอกนั้นก็ยังมีแพทย์วิถีบ้าน บ้าน ทั้งทีมหมอเพ็ญ และคณะพรรคพวก เตรียมปรับปรุงพื้นที่ลานสุขภาพใหม่ได้พลพรรคจากเครือข่ายมาช่วยหลายคน เท่านี้ในงานก็คึกคักมากมายแล้ว

 

ปีนี้จะมีกลุ่มคนใหม่ๆ ที่มาแสดงฤทธิ์ของบุญทานให้ได้เห็นกัน ทั้งเครือข่ายอุตสาหกรรมพอเพียง จะมาบอกเล่าว่าพวกเขาประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในโรงงานได้อย่างไร แว่วว่าจะรวมกันมาหลายบริษัทอยู่ กลุ่มเด็กๆ รุ่นใหม่ทั้งเครือข่ายยุวเกษตรโยธิน รวมทั้งเครือข่ายเยาวชนรักษ์ต้นน้ำจากเอไอเอส สานรัก ก็เตรียมยกขบวนกันมา เด็กๆ เป็นร้อยคน คงมาวิ่งเล่นในงาน นอกจากนั้นชุมชนใหม่ ชุมชนกสิกรรมวิถี คนเมืองที่หันเหชีวิตออกจากเมืองหลังอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 44 ก็พากันไปรวมตัวกันสร้างชุมนใหม่ โดยยึดหลักการ “สร้างสังคมก่อนสร้างชุมชน” แล้วรวมตัวกันซื้อที่ 11 ไร่ สร้างชุมชนอยู่ใกล้ๆ ศูนย์ฯ มาบเอื้อง ที่เคยเป็นที่พักพิงของพวกเขา ก็เข้ามาช่วยงานอย่างแข็งขัน พอเห็นคึกคักขนาดนี้ทางศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องเองเขาก็ไม่ยอม พากันชักชวนศิษย์เก่าที่ยังไม่เป็นเครือเป็นข่าย เรียกว่ากลุ่มอนุบาล กลุ่มหน่ออ่อน ตั้งซุ้มศิษย์มาบเอื้องคืนถิ่นขึ้นมา กะว่าจะต้อนรับศิษย์มาบเอื้องที่เคยมาอบรมเป็นแสนๆ คนให้กลับมาเยี่ยมบ้านด้วยความอบอุ่นให้เหมือนงานคืนสู่เหย้า ชาวมาบเอื้องประมาณนั้น

 

ที่สำคัญ งานนี้จะมีอะไรใหม่ๆ อีกมากมายเกิดขึ้น ทั้งการเปิดปูทะเลย์มหาวิชชาลัย มอบเข็ม และมอบปัญญาบัตร และการเปิดศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืช ซึ่งมูลนิธิรักษ์ดิน รักษ์น้ำ โดยคุณสัณหจุฑา จิราธิวัฒน์ ประธานมูลนิธิจะให้เกียรติมามอบด้วยตัวเอง รวมทั้งคุณโจน จันได จากสวนพันพรรณ และหมู่กลุ่มต่างๆ

 

อาจารย์ยักษ์เขียนมาทั้งหมด ยังไม่หมดที่เตรียมไว้ในงาน บนเวทีใหญ่ยังมีพูดถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของความมั่นคงด้านอาหารและยา มีวิทยากรเข้าร่วมเสวนาหลายท่าน ขอต่อสัปดาห์หน้าวันงานพอดี 15-16-17 มีนาคมนี้อย่าลืมไปพบกัน +

 

เครดิตภาพ: www.facebook.com/aquabizmagazine