เรื่องการเชื่อมต่อผืนป่าเมืองไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนที่มีความสำคัญของโลก เป็นเรื่องที่อาจารย์ยักษ์ติดใจมานานแล้วดังที่ได้เล่าให้ฟังแล้ว แล้วก็เชื่อมันว่าถ้าเครือข่ายทุกคนระดมพลังกันขึ้นมา ลุยกันเข้ามา โดยมีภาคเอกชนหนุนเสริมและทำจริง มันต้องสำเร็จด้วยปรัชญาพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่พิสูจน์แล้วว่าใครมาทำก็ต้องมั่นคงและยั่งยืนจริง ก็เลยอยากจะชักชวนกันเข้ามา เพราะในการทำงานครั้งนี้อาจารย์ยักษ์จะพิสูจน์ทฤษฎีขับเคลื่อนสังคม (Social Movement) ให้ดู พร้อมกับที่ได้เปิดสอนวิชานี้ในมหาวิทยาลัยที่กำลังดำเนินการอยู่ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ก็จะได้ใช้พื้นที่ป่าที่จะร่วมกันทำงานนี้เป็นพื้นที่การสอนภาคปฏิบัติ พากันลงไปทำจริงในสนามเป็นการทำ Action Research ทำงานปฏิบัติการและทำวิจัยพร้อมกันไป พื้นที่ป่าผืนใหญ่ก็จะเป็น Social Lab ของนักศึกษาปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ส่วนใครที่ทำงานในสนามจนประสบความสำเร็จก็สามารถที่จะนำผลงานมาจดทะเบียนเรียน นำมาเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ เพื่อรับปริญญาโท ปริญญาเอกกันไป โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีผลงานปฏิบัติการในสนามจริงๆ หนึ่งต้องสร้างป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างให้ได้เกิดผืนป่าขึ้นจริง สองต้องเอางานจริงที่ลงมือทำจนเป็นผลสำเร็จเกิดขึ้นจริงนั้นมาเขียนสรุป แล้วนำมาส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ถ้าสอบผ่านก็สามารถรับปริญญาไปได้เลย วิธีการเรียนการสอนแบบนี้จะทำให้ได้วิทยานิพนธ์ที่เกิดจากผู้เรียนลงมือทำจริงๆ เขียนเรื่องที่ตัวเองรู้จริง ทำจริง เป็นปริญญา จากการทำงานจริงบนพื้นดินหรือ Groundwork Solution ที่นำมาต่อยอดเป็นรายงาน เป็นวิทยานิพนธ์หรือ Paperwork Solution ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาที่ปูทะเลย์มหาวิชชาลัยเราดำเนินการเรียน การสอนอยู่ ถือเป็นการศึกษาที่แท้จากการปฏิบัติ เป็นภาคปฏิบัติที่ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริงแล้ว

เรื่องแนวทางการศึกษาแบบนี้นั้น อาจารย์ยักษ์เห็นว่าจะช่วยให้มนุษย์อยู่รอดได้จริง เพราะจากที่ได้เคยไปประชุมร่วมกับนานาชาติ หรือจากที่นานาชาติยกขบวนมาดูงานเรา มันเห็นได้ชัดว่าวิกฤตกำลังเกิดขึ้น สัญญาณอันตรายที่ชี้ให้เห็นชัดเจนที่สุด นั้นก็บอกกับเราว่าวิกฤต 4 ประการ อันได้แก่ ภัยพิบัติธรรมชาติ โรคระบาด วิกฤตเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางสังคมจะรุนแรง การศึกษาวิธีทางแก้ต้องเกิดขึ้นอย่างจำเป็นเร่งด่วน โดยลงมือทำทันที เพราะวิกฤตมันไม่รอเราแล้ว ดูอย่างที่ประเทศสหรัฐอเมริกาคนป่วยด้วยไข้หวัดตายไปแล้วเป็นหมื่นคน หิมะถล่มหนักในหลายที่ ภัยแล้งรุนแรง น้ำท่วมรุนแรง บ้านเราก็จะแล้งหนัก พื้นที่ทางภาคตะวันออกจะเกิดความขัดแย้งแย่งน้ำกันแน่นอน ส่วนพื้นที่ป่าก็จะไม่เหลืออะไรเลย

อาจารย์ยักษ์เดินทางไปดูต้นน้ำ ตั้งแต่จังหวัดเลย จังหวัดน่าน พาสื่อไปให้เห็นว่ามันอันตรายแล้วนะ ป่าต้นน้ำหมดแล้ว ถูกตัดขาดขนาดนั้น ป่าไม่เหลือ ฝนตกจะทะลักลงมาเป็นตะกอน เขื่อนที่มีก็จะไม่มีน้ำให้เก็บอย่าว่าแต่จะสร้างเขื่อนใหม่เลย เขื่อนเก่าที่มีก็ใช้งานไม่ได้แล้วเพราะผืนป่ามันหมด สิ่งเหล่านี้สะท้อนภาพชัดเจนว่าทุกมิติที่พระเจ้าอยู่หัวเคยเตือนนั้นมันเกิดชัดขึ้นจริงๆ พอหน่วยงานต่างๆ เข้ามาคุยกับเรา อาจารย์ยักษ์ก็ดีใจเพราะเขามาพร้อมกับแนวคิดใหม่ คืออยากจะจับมือกับชาวบ้านเพราะถ้าป่าเป็นของนายสงวน นามสกุลแห่งชาติ เจ๊งแน่นอน ถ้าเป็นของรัฐไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบอะไรก็ไม่เหลือ หมดไม่เหลือ แต่ถ้าเมื่อไหร่ชาวบ้านลุกขึ้นสร้างป่าในที่ตัวเอง จะไม่มีใครบุกรุกทำลายผืนป่าในพื้นที่ตัวเอง และจะไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาทำลายป่าเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นต้องทำให้ป่าเกิดในใจชาวบ้านทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีไปซื้อที่แล้วปลูกป่าทิ้ง หรือจะเป็นคนชั้นกลางรับราชการอยู่ มีเงินเดือนก็ไปปลูกป่าทิ้งไว้ในที่ของตัวเอง หรือแม้แต่เกษตรกร หรือแม้แต่คนยากคนจนก็บ้าปลูกต้นไม้กันระนาว ทุกภาคส่วนระดมทุกพลังเข้าไปสร้างป่ากันให้สมบูรณ์ แล้วป่านั้นต้องเกิดประโยชน์ 4 อย่างให้กับมนุษย์ คือ พอกิน พออยู่ พอใช้ พอสร้างความร่มเย็นให้กับระบบนิเวศตามหลักที่พระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานไว้ก็จะได้ผลแน่นอน อยู่ที่ว่าใครจะเห็นความสำคัญแล้วมาช่วยกันทำ เพราะเรื่องนี้อาจารย์ยักษ์ถือเป็นภารกิจของชีวิตทั้งชาตินี้และชาติหน้า ตายไปก็จะเกิดมาปลูกต้นไม้ใหม่ ตายอีกชาติก็เกิดมาทำใหม่ ไม่เลิก ให้มันรู้ไปสิ อาจารย์ยักษ์ยืนยันภารกิจนี้นอกจากทำนานาชาติแล้ว ทั้งเอเชีย ทั้งแปซิฟิกแล้วก็จะยังทำไปถึงชาติหน้าด้วย ใครเห็นด้วยก็มาช่วยกันทุกชาติไปแล้วกัน +

ภาพประกอบ: bilom.multiply.com