งานมหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินของทุกปี นอกจากจะเป็นงาน “เอาดีออกอวด” แล้ว เมื่อเราได้โอกาสมาเจอกันพร้อมหน้า เพื่อน พี่ น้อง จากทุกภาคส่วน พี่น้องเครือข่ายก็จะขนเอาศิลปะ วัฒนธรรมพื้นถิ่น ของกิน ของใช้ รูปแบบการดำเนินชีวิตตามรากเหง้าของแต่ละท้องที่มาด้วย ทำให้งานทั้งงานเต็มไปด้วยความหลากหลาย ความสนุกสนาน เป็นงานบุญที่ทุกคนมาทำร่วมกัน งานรื่นเริง 4 ภาคจึงเป็นสีสันและเป็นเสน่ห์ของงานมหกรรมคืนชีวิตของทุกปี ส่วนงานวิชาการ กิจกรรมบนเวทีก็จะเป็นการพูดคุยกันในประเด็นสำคัญๆ ตามสถานการณ์ของแต่ละปี โดยในปีนี้จะได้มีการหยิบยกเอาทางรอดจากบทพระราชนิพนธ์พระมหาชนกขึ้นมาเป็นธงนำ แล้วมาวิเคราะห์ตัวเองว่าสิ่งใดที่เราทำดีแล้ว พิเศษแล้ว ก็จะได้นำมาต่อยอดต่อไป

               นอกจากนั้นวิถีที่สำคัญ คือ วิถีของบรรพบุรุษ เราก็จะหยิบยกเอาภูมิปัญญาความรู้ของบรรพบุรุษท่านที่รักษาชาติบ้านเมืองมาไว้เป็นหลายร้อยพันปีมานำเสนอ หยิบเอาทั้งวิถีการปลูกข้าว การสร้างป่าสามอย่าง ประโยชน์สี่อย่าง วิถีการแปรรูปอาหาร วิถีการดูแลรักษาสุขภาพแบบบ้าน บ้าน วิถีการเคารพนับถือบรรพบุรุษ วิถีบ้าน บ้าน ทั้งหลายเหล่านี้จะถูกหยิบยกกันมาปฏิบัติกันให้เป็นจริงเป็นจัง โดยเฉพาะวิถีชีวิต วิถีการกิน การใช้ วิถีการพึ่งตนเองของชาวบ้านนอก หรือชาวบ้าน บ้าน อย่างพวกเราที่ผ่านวิกฤตหลากหลาย มาได้นับเป็นพันปีเพื่อที่จะตอกย้ำว่าด้วยวิถีบ้าน บ้าน แบบนี้แหละที่เราจะรอดต่อไปอีกหลายพันปีและปีนี้ก็จะเป็นปีที่พิเศษงานปีนี้จะเปิดด้วยขบวนจักรยานแห่งความเพียรที่จะปฏิบัติบูชาถวายเป็นพระราชกุศล ขบวนจะปั่นจากภูผา สู่มหานที ระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร เริ่มออกจากจังหวัดน่านในวันที่ 5 มีนาคม ปั่นเรื่อยลงมาจนถึงมาบเอื้อง จ.ชลบุรี ในวันที่ 15 มีนาคม

               โครงการปั่นจักรยานระยะไกลครั้งนี้ มีชื่อว่า “โครงการปั่นจักรยานกู้วิกฤตคืนชีวิตให้แผ่นดิน” ปั่นจักรยานทำกิจกรรมฟื้นฟูชาติด้วยศาสตร์พระราชา จากป่าต้นน้ำน่าน ปั่นรณรงค์ให้เกิดการปลูกป่า การทำฝาย เก็บความชื้นเอาไว้ เก็บน้ำเอาไว้ไม่ให้หลากลงมา รณรงค์กันไล่ลงมา มาเรื่อยๆ ตามศูนย์เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติจาก สวนเอเดน จ.น่าน ไปยัง เครือข่ายศิษย์ จ.อุตรดิตถ์ ที่ อ.น้ำปาด และ อ.ท่าปลา จากนั้นปั่นไปค่ายวัดป่าชาติตระการ พิษณุโลก และไปต่อที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามจังหวัดเดียวกัน รุ่งขึ้นปั่นไปศูนย์กสิกรรมธรรมชาติพิจิตร และศูนย์กสิกรรมธรรมชาติโคกเจริญ จ.ลพบุรี แวะไปเยี่ยมเด็กๆ เยาวชนรักษ์ต้นน้ำ ที่โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ จ.สระบุรี จากนั้นเดินทางไปยังศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ บางคล้าก่อนไปสิ้นสุดโครงการที่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี  รวมระยะทางเกือบพันกิโล ตลอดเส้นทางก็จะมีกิจกรรมการฟื้นฟู ดิน น้ำ ป่า ทั้งปลูกป่า ทำฝาย ทำแฝก โยนระเบิดจุลินทรีย์ ทำบ้านปลาด้วยกล่ำ ซั้ง ฟื้นฟูธรรมชาติตลอดรายทาง

                กลุ่มนักปั่นสะพานบุญ และสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทยเป็นองค์กรหลักในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ โดยพวกเขารณรงค์ด้วยการปั่นจักรยานเพื่อแสดงให้เห็นว่า แม้พลังงานเราก็พึ่งตนเองได้ เดินทางได้นับพันๆ กิโลเมตรด้วยพลังงานน่องของเรานี่แหละ ส่วนรายได้ทั้งหมดก็จะนำเข้ากองบุญกู้วิกฤตด้วยศาสตร์พระราชาตั้งเป้าว่า ปีนี้น่าจะได้รถแบคโฮลของเครือข่าย มาไว้ใช้ทำโมเดล โคก-นา-หนอง กันเอง เป็นรถแบ๊คโฮลภาคประชาชน ที่ดำเนินการขุดบ่อได้โดยไม่สิ้นเปลืองมากนัก ปีนี้ก็เลยเป็นปีที่เราเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติทุ่มเทเต็มที่ แต่อาจเพราะเป็นปีมหามงคลครบ 7 รอบของในหลวงท่าน เครือข่ายต่างๆ จึงพร้อมใจกันมาจับมือกับเรา กลายเป็นการสร้างข่ายเชื่อมโยงกันและกันอีกที ทำให้พลังที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่ คล้ายดั่งเป็นการฟื้นฟูด้วย 9 วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง คือ การเพาะเมล็ด ถนอมราก ปักชำกิ่ง เสียบยอด ต่อตา ทาบกิ่ง ตอนกิ่งให้รากออก รมควันต้นที่ไม่มีลูกให้มีลูก และหากสื่อมวลชนจะได้เข้าร่วมเพื่อทำ ชีวาณูสงเคราะห์ ขยายผลในวงกว้าง ก็จะทำให้ทั้ง 9 วิธีนั้น สะท้อนความสำเร็จเห็นเป็นรูปธรรม ในงานมหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดินในปีนี้  +