ศภช.เตือนเหนือ-อีสานระวังฝนถล่ม-ลมกรรโชกแรง 8-13 เม.ย.นี้ แนะปชช.เฝ้าระวังภัย เกาะติดข่าวกรมอุตุฯ-ศภช.ใกล้ชิด “ศชอ.” ประสานทุกหน่วยงานส่งเครื่องผลิตน้ำสะอาดลง“สุราษฎร์ฯ” ประกาศขอรับบริจาค “น้ำดื่ม-ภาชนะใส่น้ำ”ช่วยชาวใต้ ด้าน “กรมอุตุฯ” เตือนฝนตก-ลมแรง 8-12 เม.ย. แนะ “คนใต้” รับมืออีกรอบ สธ.เผยน้ำท่วมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 56 ราย ป่วย 79,677 ราย

(7เม.ย.) ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(ศภช.) ได้แจ้งข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า "ในวันที่ 8-10 เม.ย 54 ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรงบางพื้นที่ และในวันที่ 11-13 เม.ย. 54 ภาคเหนือและภาคตะวันตก จะมีฝนฟ้าคะนองกระจายและมีลมกรรโชกแรงบางพื้นที่เช่นกัน ขอให้ประชาชนระมัดระวังและติดตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติต่อไป "
 
ประสานทุกหน่วยส่งเครื่องผลิตน้ำสะอาดลงสุราษฎร์ฯ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) แถลงถึงสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดภาคใต้ว่า ยังมีพื้นที่ต้องจับตาอยู่ใน 5 จังหวัดได้แก่ จ. นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง ตรัง และชุมพร โดยเฉพาะพื้นที่เชิงเขา เพราะบางพื้นที่ยังมีน้ำไหลจากเขาลงมาเรื่อยๆ และมีปริมาณดินอุ้มน้ำสะสมค่อนข้างมาก แต่สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้โดยรวมขณะนี้ เริ่มคลี่คลาย และฝนตกน้อยลงกว่าเดิม ยกเว้นบางพื้นที่ เช่น อ.สิชล และอ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ที่ยังเป็นพื้นที่ที่การเดินทางเข้าถึงอย่างยากลำบาก จึงต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา และยังมีพื้นที่อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำ ยังมีน้ำไหลจากหลายพื้นที่เข้ามายังอำเภอดังกล่าว

รองผอ.ศชอ. กล่าวว่า จ. สุราษฏร์ยังมีปัญหาการผลิตน้ำประปา ทำให้มีปัญหาการขาดน้ำสะอาดและน้ำดื่ม ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(คชอ.) จึงขอให้ทุกหน่วยงานเร่งระดมเครื่องมือหรือรถที่ใช้ในการผลิตน้ำสะอาด เช่น กองทัพไทย กรมทรัพยากรน้ำและกรมน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ให้เคลื่อนย้ายเครื่องผลิตน้ำจากจุดต่างๆไปยังจ.สุราษฎร์ธานี โดยคาดว่าในวันนี้( 7 เม.ย.) และวันที่ 8 เม.ย.นี้ จะมีรถผลิตน้ำจากทุกหน่วยงานเข้าไปติดตั้งที่จังหวัดดังกล่าว รวม 16 เครื่อง และยังขอให้หน่วยงานต่างๆเร่งขอรับบริจาคน้ำดื่มและภาชนะรองรับน้ำ เช่น ถังแกลลอน ขวดน้ำ ให้ส่งลงไปพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการทยอยส่งไปกว่า 1 แสนขวด เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ขอรับน้ำสะอาด

นายวิทเยนทร์ กล่าวว่า ทางกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าระหว่างวันที่ 8-12 เม.ย.นี้ จะมีหย่อมความกดอากาศสูงเคลื่อนตัวลงมาจากประเทศจีน ซึ่งไม่มีกำลังแรง ส่งผลให้มีฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรงในภาคเหนือและอีสาน และอาจเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ซึ่งรวมถึงภาคใต้ จึงขอเตือนให้ประชาชนในภาคใต้ไม่ประมาท เพราะการที่มีฝนตกสะสมมานาน ประกอบกับจะมีฝนตกอีกในช่วงเวลาดังกล่าว จะทำให้เกิดปัญหาได้อีก สำหรับบ้านเรือนที่เสียหายจากปัญหาน้ำท่วมในเบื้องต้นคาดการณ์ว่ามีบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลังทุกจังหวัด รวมไม่เกิน 500 หลัง ซึ่งนายสาทิตย์ วงศ์ หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คชอ. ได้สั่งการให้เร่งเยียวยาและหาทางเข้าไปปลูกบ้านทดแทน

รองผอ.ศชอ. กล่าวถึงปัญหายอดเงินบริจาคสมทบเข้ากองทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ที่ตัวเลขและยอดเงินไม่ตรงกันนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการที่ผู้บริจาคเบี้ยวเงิน แต่อาจเกิดความล่าช้าในการโอนเงิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่การที่มีผู้โทรศัพท์แจ้งความประสงค์ที่จะบริจาคเงินแต่กลับเปลี่ยนใจไม่บริจาค ในขณะนี้เจ้าหน้าทางฝ่ายกองคลัง ยังคงเร่งติดต่อประสานงานและตรวจสอบยอดเงินอยู่ตลอด คาดว่าจะทราบตัวเลขในการประชุม คชอ. ในวันที่ 8 เม.ย.นี้

สธ.เผยน้ำท่วมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 56 ราย
 
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข แถลงว่า จากปัญหาน้ำท่วมได้รับรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 56 ราย ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช 25 ราย สุราษฎร์ธานี 10 ปี พัทลุง 6 ราย กระบี่ 10 ราย ตรัง 2 ราย ชุมพร 2 ราย พังงา 1 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหาย 1 ราย ที่ผ่านมาได้มีการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่แล้ว 1 ,941 ครั้ง มีผู้มารับบริการ 79,677 ราย เป็นหวัด 44.9% น้ำกัดเท้า 36% มีปัญหาสุขภาพจิต 848 ราย ในจำนวนนี้เครียดสูง 68 ราย ซึมเศร้า 103 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 56 ราย ส่วนสถานพยาบาลสังกัด สธ. ได้รับความเสียหาย 187 แห่ง ในจำนวนนี้ 17 แห่งยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 16 แห่ง และ รพ.ชุมชน 1 แห่ง ได้แก่ รพ.ท่าโรงช้าง แต่คาดว่าวันจันทร์ที่ 11 เม.ย.จะสามารถเปิดดำเนินการได้ ทั้งนี้ สธ.ได้ส่งยาและเวชภัณฑ์ไปช่วยภาคใต้แล้ว 279,000 ชุด

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจพบว่า ใน จ.นครศรีธรรมราช ยังไม่มี รพ.ชุมชนใน 3 อำเภอ คือ อ.นบพิตำ อ.พระพรหม และ อ.ช้างกลาง ซึ่ง สธ.ได้อนุมัติให้สร้าง รพ.ชุมชน โดยได้โอนงบประมาณให้แล้วแห่งละ 12 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นจะให้สร้างตึกผู้ป่วยนอกก่อน