9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
วิถีบ้าน บ้าน กับวิกฤติการณ์โลก
ปีนี้เป็นปีที่ภาพประเทศไทยรายล้อมไปด้วยระเบิด 4 ลูก
ส.ค.ส.พระราชทานปี พ.ศ.2547 ย้อนเข้าสู่ห้วงคิดของอาจารย์ยักษ์หลายครั้งหลายครา เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงระเบิดทั้ง 4 ลูกที่เกิดขึ้นรอบประเทศ สอดรับกับความคิดเห็นจากผู้รู้หลากสาขา และนักปฏิบัติอย่างสมาชิกเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ต่างเห็นตรงกันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คำเตือนจากพระเจ้าอยู่หัวนั้นแม่นยำ
สงครามในประเทศต่างๆ ปรากฏให้เห็น หรือแม้การขัดแย้งในบ้านเรา ภัยพิบัติจากธรรมชาติเกิดขึ้นในญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พม่า ลาว อินโดนีเซีย และประเทศเราเอง ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่าสั่นสะเทือนขวัญกำลังใจของชาวเหนือ ยังไม่ทันได้หายตกใจ ข่าวภาคใต้น้ำท่วมหลายพื้นที่ก็มากลบข่าวธรณีพิโรธ และท่ามกลางภัยเหนือ ภัยใต้ ภาคอีสานก็เผชิญกับภัยแล้ง และอากาศหนาวเย็นก็มาเยือนกรุงเทพฯ ในปลายเดือนมีนาคม
ความวิปริตผันผวนของสภาวะอากาศที่รุนแรง ชัดเจน ยากจะปฏิเสธ สะท้อนถึงความเป็นจริงว่า ธรรมชาติเสียสมดุลจนกระทบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์ แน่นอนแล้ว เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติเคยเตือนกันว่า ปี 2012-2013 จะเกิดวิกฤติทั้ง 4 ด้าน และโรคระบาดจะเกิดตามหลังภัยพิบัติเสมอ ที่สำคัญปัจจุบันนี้เกิดโรคที่มีพลังทำลายรุนแรง เป็นโรคที่ไม่มีเชื้อโรค คือ โรคที่มากับกัมมันตภาพรังสี ซึ่งจะส่งผลต่อความขัดสนในข้าว ปลา อาหาร สิ่งที่จะตามมาก็คือ ความอดอยาก โรคระบาด การขาดแคลนอาหารเนื่องจากคนไม่ทำมาหากิน อย่าว่าแต่ทั่วโลกเลย แม้ในไทยอาจารย์ยักษ์ก็ว่าอันตรายแล้ว
ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน คือภาครัฐ ควรมีหน้าที่วางแผน เตรียมพร้อมเพื่อรับมือภัยพิบัติ พร้อมเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ ขณะนี้อ่อนแอถึงที่สุด เพราะมัวแต่ทะเลาะกันเอง หนำซ้ำทะเลาะกับประชาชนอีก ซึ่งไม่ใช่แต่ประเทศไทย แต่เห็นเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งในลิเบีย ซีเรีย ซึ่งเกิดจากเหตุเดียวกัน คือ “อำนาจ”
เมื่อฝ่ายที่มีอำนาจ หน้าที่ เฝ้าแต่หวงแหนอำนาจ โดยลืมหน้าที่แล้วเกิดภัยพิบัติขึ้นเช่นนี้ ประชาชนจะพึ่งใคร อาจารย์ยักษ์ไม่เห็นทางออก จึงได้เตือนให้เครือข่ายเราได้ตระหนักว่า จำเป็นเหลือเกินที่พวกเราจะต้อง “อุ้มชูกันและพึ่งกันเอง” เพื่อให้เกิดความมั่นคงยั่งยืน จะต้องจับมือกันให้ครบทั้ง 5 ภาคส่วน ถ้าพึ่งรัฐบาลกลางไม่ได้ ก็ต้องพึ่งหน่วยราชการท้องถิ่น จับมือภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและสื่อ แล้วฟื้นคืนกลับวิถีบ้านบ้าน ให้ได้ในพื้นที่ตนเอง แบบบ้านใครบ้านมัน ประเพณี วิถีชีวิต วัฒนธรรม การกิน การอยู่ การละเล่นแบบบ้านบ้าน ที่ทำให้เราผ่านวิกฤตมาแล้ว 5,000 กว่าปีนี้แหละที่จะทำให้เรารอดได้
การจัดงาน “มหกรรมคืนชีวิตให้แผ่นดิน : วิถีบ้าน บ้าน ผ่านวิกฤตได้จริง” ที่เครือข่ายเราจำลองวิถีการกิน การอยู่ การละเล่นของแต่ละภาคมาให้คนเห็น ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่เราทำเพื่อหวังว่าพวกเราจะได้ตระหนักว่า นี่คือทางออกจริง คือความสุขที่แท้จริงแบบเราๆ แบบบ้านบ้าน ผู้คนมาในงานก็มีความสุข ภาคสื่อมวลชนก็ให้ความสำคัญกับงานนี้ได้ ช่วยกันเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ผู้คนก็เข้ามาจับมือ มาเชื่อมเครือข่ายกับเรา เพราะเราได้พิสูจน์ให้เห็นตำตาแล้วว่า วิถีบ้านบ้านทำให้เราผ่านวิกฤติได้และพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงย้ำ ทรงยืนยันกับชาวโลกว่าตราบเท่าที่คนไทยยังรู้จักการให้ เราก็จะผ่านทุกวิกฤตได้จริงๆ และวิถีบ้านบ้านนี่แหละ คือวิถีการให้ที่แท้จริง
มีคำกล่าวของบรรพบุรุษท่านสืบทอดกันมาว่า “ยิ่งทำ ยิ่งได้ ยิ่งให้ ยิ่งมี” อาจารย์ยักษ์ขอย้ำอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆ ที่เคยย้ำเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้วว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยิ่งมาช่วยกันทำ ช่วยกันให้ เพื่อให้มีทุกสิ่งทุกอย่างไว้รองรับ สร้างความมั่นคงทั้งอาหาร ยา ที่อยู่อาศัย ปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้เราผ่านวิกฤตได้จริงๆ แล้วไม่ต้องไปกังวลว่าโลกจะไปทางไหน
โลกกำลังเดินไปสู่วิกฤต ถ้าเรารักษาวิถีบ้านบ้านเอาไว้ เป็นวิถีแห่งธรรม คนมีธรรมก็จะรักษาผู้ประพฤติธรรม มีภูมิคุ้มกันจริง สมดังที่พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสไว้
"อาจารย์ยักษ์ มหาลัยคอกหมู"