อาจารย์ยักษ์มาประชุมเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติที่จัดกันเป็นประจำทุก 2 เดือน โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 24 การประชุมจะจัดหมุนเวียนไปตามศูนย์เรียนรู้ต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ครั้งนี้เรามาประชุมกันที่ศูนย์เรียนรู้การจัดการลุ่มน้ำตามรอยพ่อ ต.แม่สิน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งการประชุมครั้งนี้เครือข่ายก็คึกคักกันมาก โดยเฉพาะทางด้านหลวงพ่อสุวรรณ จากศูนยกสิกรรมธรรมชาติวัดป่ายาง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ใหญ่สมศักดิ์ เครือวัลย์ แห่งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสองสลึง จ.ระยอง อ.ธีระ วงศ์เจริญ ประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ อีกทั้งพ่อบัวพัน บุญอาจ จากศูนย์เรียนรู้เกษตรกรรมแบบยั่งยืน จ.หนองบัวลำภู รวมทั้งยุวเกษตรโยธินจากหลายศูนย์ งานนี้จึงเป็นงานที่รวมทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ในเครือข่ายมาประชุมหารือกันอย่างคึกคัก

การประชุมกันในครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน เห็นภาวะอดอยาก ข้าวยากหมากแพง และการระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ บางพื้นที่รายงานว่าเกิดเหตุระเบิดทุก 6 ชม. ทำให้สมาชิกเครือข่ายที่เป็นศูนย์ฝึก 52 ศูนย์ และศูนย์เตรียมการกว่า 30 ศูนย์ ของเรากระตือรือร้นมากยิ่งขึ้นที่จะพึ่งตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นหลักช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้ง 4 ประการ อันได้แก่ วิกฤตภัยพิบัติธรรมชาติ วิกฤตเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง วิกฤตโรคระบาดและวิกฤตความขัดแย้งทางสังคม สงคราม เป็นหลักนำพาสังคมให้รอดพ้นจากวิกฤตให้ได้

การประชุมเครือข่ายครั้งนี้มีพิธีปิดที่น่าประทับใจ โดยหลวงพ่อสุวรรณทำพิธีปิดโดยการ “กราบ” กัน เนื่องจากคราวนี้มีการทำ “สาเลขะ” กันอย่างจริงจัง สาเลขะ แปลว่าขัดเกลา การสาเลขะนี้มีเพื่อให้เครือข่ายเราสามัคคีกันมีพลังที่จะช่วยเหลือคนให้ได้มาก เมื่อผ่านการขัดเกลาแล้วถึงพิธีปิดก็ต้องมีการขอขมา หลวงพ่อสุวรรณจัดให้บรรดาผู้เฒ่านั่งแถวด้านหน้าพนมมือรอ ส่วนเด็กๆ ที่ยังไม่ใช่ผู้เฒ่าก็นั่งรวมกันอยู่กว่า 200 กว่าคน เมื่อกราบผู้เฒ่าแล้วก็ให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อกราบกันเอง เป็นภาพที่อาจารย์ยักษ์ประทับใจมาก และทำให้มีกำลังใจในการที่จะสร้างเครือข่ายให้แข็งแรง เพื่อการพึ่งกันเองให้ได้ก่อน และเพื่อที่จะให้คนอื่นพึ่งเราได้ด้วย

อาจารย์ยักษ์เชื่อว่าการให้กำลังใจกันนั้นเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากประชุมเครือข่ายเสร็จแล้ว อาจารย์ยักษ์ก็ได้โอกาสมาเป็นผู้ติดตามท่านนายกเทศมนตรียุทธสิน ป้านภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านความรู้ อ.ผาขาว จ.เลย เพื่อไปร่วมสัมมนากับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเลยในโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบ Green cycle route หรือการท่องเที่ยวที่จะช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์คน อนุรักษ์สัตว์ อนุรักษ์ลุ่มน้ำได้ โดยร่วมมือกัน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และสุโขทัย โดยงานในครั้งนี จังหวัดเลยเป็นเจ้าภาพจัดการท่องเที่ยว และได้เชิญคุณวริสร รักษ์พันธุ์ เจ้าของชุมพรคาบาน่ารีสอร์ทและผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติเพลิน มาบรรยายเรื่องแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ประยุกต์สู่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเพื่อการลดโลกร้อน

อาจารย์ยักษ์ฟังหัวข้อแล้วก็ชื่นใจว่าตอนนี้ “นิ้วนาง” กำลังทำหน้าที่กระดิกอย่างรวดเร็ว...เห็นอย่างนี้แล้วมีกำลังใจ

นิ้วนางนั้นอาจารย์ยักษ์เปรียบให้เป็นเหมือนภาคเอกชน ในพลังฝ่ามือที่จะขับเคลื่อนสังคม นิ้วโป้งเปรียบเป็นภาคราชการ นิ้วชี้คือภาควิชาการ นิ้วกลางภาคประชาชน ส่วนนิ้วก้อยคือภาคประชาสังคมและสื่อ ทั้ง 5 นิ้วล้วนมีความสำคัญและหากขยับพร้อมๆ กันก็พร้อมที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเป็นภาคเอกชนในธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งเป็นธุรกิจที่สามารถชักชวนคนมาเห็นมาดู มาทำกิจกรรมดีดีได้มาก เมื่อนิ้วนางคึกคัก สื่อมวลชนก็เข้ามาช่วยกัน ข้าราชการมาช่วยด้วย ประชาชนสนับสนุน เราจะเห็นภาพของการรวมพลังกันเพื่อการจัดการลุ่มน้ำ เพื่อรักษาพื้นที่ต้นน้ำที่สำคัญยิ่งของไทย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา

ป่าต้นน้ำจังหวัดเลยเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสักไหลจากมรกตอีสาน คือ ภูหลวงไปจนบรรจบเจ้าพระยาที่อยุธยา

ป่าต้นน้ำในพื้นที่พิษณุโลก เพชรบูรณ์ไหลลงสู่แม่น้ำน่านไปบรรจบกับแม่น้ำวังที่จังหวัดสุโขทัย แล้วไหลไปรวมกับแม่น้ำยมก่อนถึงปากน้ำโพ ก่อนไหลลงสู่เจ้าพระยา

แม่น้ำสายต่างๆ เหล่านี้จึงมีความสำคัญกับเจ้าพระยา การรักษาพื้นที่ต้นน้ำจึงส่งผลโดยตรงต่อคนปลายน้ำในกรุงเทพฯ

หากหยุดไฟไหม้ป่าได้ด้วยการปลูกป่าในรีสอร์ทของตนเองได้ ยุชาวบ้านให้ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างขึ้นในที่ดินแต่แปลง หยุดใช้สารเคมีบ้านใครบ้านมัน ทำแบบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง พื้นที่ต้นน้ำก็จะรอด ซึ่งคนกรุงเทพฯ คงต้องขอบคุณและให้กำลังใจคนทำงานในพื้นที่ เช่น ที่ภูนาคำรีสอร์ท จังหวัดเลย นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดเลย เป็นแม่งาน เอาการเอางานทีเดียวในการจัดกิจกรรมในภูนาคำซึ่งเดิมเป็นไร่ข้าวโพด แต่ตอนนี้มีบ้านเหมือนบ้านอีสานกระจายอยู่ในป่า มีควาย มีป่าไผ่ แล้วป่าก็เริมฟื้นตัวแล้ว เริ่มพอมีหวังได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะขยายไปสู่การปฏิบัตจริงในพื้นที่ 3-4 จังหวัดต้นน้ำ

นอกจากนั้นในบางพื้นที่ยังได้มีการชักชวนชาวบ้านเข้ามาร่วมด้วย คุณวริสรบรรยายภาพการต่อสู้ของตนที่ต้องสู้กับเจ้าหนี้ 300 ล้าน สู้ไปก็รบไปสร้างป่าไป รบไปสร้างคนไป จนเป็นขวัญใจของ 100 กว่าโรงแรมที่จังหวัดเลย พวกเขาก็ประกาศรวมตัวกันใส่รหัสเครือข่ายด้วยการตบมือเป็นรหัส 3-3-7 เป็นการยืนยันว่าจะไปลุยทำแบบเดียวกับคุณวริสร เหมือนที่ชุมพรคาบ่าน่า หากนับโรงแรมที่มาคราวนี้กว่า 1,000 แห่ง จังหวัดเลยแห่งเดียวก็มีมากกว่า 200 โรงแรม พื้นที่น่าจะรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นหมื่นห้อง ก็เลยอยากจะชวนมาให้กำลังใจและเชิญมาเที่ยวจังหวัดเลยหน้าฝน บรรยากาศดีมากเลย ถ้าสนใจอยากสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ที่อาจารย์ยักษ์ขอชื่นชมและยืนยันว่าน่าประทับใจ ติดต่อ คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวได้เลย ใครสนใจอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม 081 921 8683 นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมของชมรมรักษ์ลำน้ำเข็กที่เป็นอีกชมรมที่ต่อสู้มายาวนาน ผู้นำชื่อ เล็ก ใจเหล็ก (ณัฐวัฒน์ วัฒนาประสิทธิ์) เป็นแกนนำชาวบ้านในการอนุรักษ์ลุ่มน้ำเข็ก เป็นอีกคนที่จะต้องไปให้กำลังใจ ใครสนใจฟื้นฟูลุ่มน้ำเข็กหรืออยากรู้ว่าทำไมถึงได้ฉายาเล็ก ใจเหล็ก ให้โทรสอบถามหรือสนใจกิจกรรมลุ่มน้ำเข็กติดต่อ 081 395 9575

เดือนหน้าอาจารย์ยักษ์ว่าจะลงไปให้กำลังใจต่อเนื่องทุกเดือนโดยเฉพาะในระยะบุกเบิก Green cycle route ให้ประสบความสำเร็จให้ได้ ให้เอาคนไปสร้าง ไปฟื้นฟูแผ่นดิน ผืนน้ำ ผืนป่า คนกรุงเทพฯ ก็ต้องสำนึกในบุญคุณของเขาที่ได้ใช้น้ำจากที่เขาได้รักษาไว้ งานนี้คนกรุงเทพฯ จะนั่งนิ่งดูดายอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องช่วยเหลือให้เครือข่ายของเขาแข็งแรงฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้ป่ากลับมาในพื้นที่ของเขา รวมทั้งหยุดไฟป่าเพื่อไม่ให้เป็นอย่างที่อาจารย์ยักษ์เคยเขียนไว้ว่า คนกรุงเทพฯ จะตายเพราะไม่มีน้ำใช้ หากปล่อยให้ไฟบรรลัยกัลป์จะเผาผลาญภาคเหนือ +  

อาจารย์ยักษ์ มหา'ลัยคอกหมู