9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
โลกร้อน เดือดร้อนถึงช้าง
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคนทั้งโลกก็จะต้องถกปัญหา “โลกร้อน” กันอีกครั้งในการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่จะมีขึ้นในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค ในเดือนธันวาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถือเป็นการประชุมที่ผู้นำโลกต้องประกาศ “ความรับผิดชอบ” และ “ลงมือ” แก้ปัญหาตามที่ได้มีพันธะสัญญาในข้อตกลงพิธีสารเกียวโต คนทั้งโลกกำลังเรียกร้องให้ผู้นำโลกเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาเพราะสภาวะโลกร้อนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ อยู่ในขั้นวิกฤติที่อาจมีผลถึงขนาด “ทำลายล้าง” อารยธรรมของมนุษยชาติ
แต่ถ้าถามอาจารย์ยักษ์ก็ขอตอบแบบ “ปากชัด ๆ” ว่า ไม่เชื่อว่าผู้นำโลกจะแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่ผู้นำโลก “ไร้ความสามารถ” แต่ “ไร้ใจ” มากกว่า เพราะการแก้ปัญหาโลกร้อนให้ถึงแก่นถึงรากนั้นย่อมหมายถึงผลประโยชน์ที่ต้องสูญเสียไปอย่างมหาศาลของประเทศร่ำรวยที่เป็นต้นเหตุหลักของปัญหาโลกร้อนอันเนื่องมาจากการขยายตัวเติบโตแบบไร้ขอบเขตของระบบทุนในประเทศเหล่านี้ ถ้าเรายอมรับความเป็นจริงว่า ผู้นำโลก ก็คือ ผู้นำของประเทศที่ร่ำรวยเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังมีศักยภาพในการทำมาหากินบนความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติของโลกต่อไป มีเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ “ผู้นำโลก” ลงมือกระทำอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาก็คือวิกฤติโลกร้อนมีผลร้ายแรงถึงขั้นกระทบกับ “ผลประโยชน์” ของประเทศร่ำรวยเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม อารยธรรมของมนุษยชาติ และ ทรัพยากรที่มีค่าของโลกใบนี้เป็นสมบัติร่วมกันของมนุษย์ทุกคนไม่ใช่แต่ของผู้นำ ในฐานะประชากรโลกแม้ว่าเราจะไม่ฝากความหวังการแก้ปัญหาโลกร้อนไว้กับผู้นำโลก เราควรต้องเรียกร้องในฐานะ “ผู้รับผลกระทบ” ให้ผู้นำโลกในฐานะผู้กุมชะตากรรมของมนุษยชาติ ที่จะต้องลงมือกระทำการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดภาวะโลกร้อนให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ไม่มีครั้งไหนที่มนุษย์จะรู้สึก “อกสั่นขวัญแขวน” กับการสูญสิ้นอารยธรรมมากเท่าครั้งนี้ วิธีคิดแบบทุนที่มีเงินเป็นเป้าหมายยังผลให้เกิด พืชเศรษฐกิจ พืชเชิงเดี่ยวที่รุกล้ำพื้นที่ป่า ที่อยู่อาศัยของพืชพรรณสัตว์ป่านานาชนิด จนสัตว์หลายชนิดกำลังจะสูญพันธุ์ ช้างไทย ก็หนีไม่พ้นตกอยู่ในวังวนอันตรายแบบเดียวกัน ถึงเวลาที่ช้างก็ต้องออกมารณรงค์เรียกร้อง “สิทธิ” ที่จะคงบ้านของตัวเองไว้ ในวันที่ 12-28 กันยายน คาราวานช้างไทยก็จะออกมาร่วมกับคนป่าวร้อง ให้ผู้นำไทย กับผู้นำโลก รับฟังเสียงของช้าง ตัวแทนของสรรพสัตว์ที่ต้องเดือนร้อนจากปัญหาโลกร้อน ร่วมกับคนตัวเล็ก ๆ จากภาคประชาสังคมหลายองค์กร โดยเดินท้าวเป็นระยะทางถึง 250 กิโลเมตรจากป่งดงพญาเย็น อำเภอปากช่อง นครราชสีมา ผ่านสระบุรี นครนายก มาสิ้นสุดปากอ่าวไทยที่อำเภอบางปะกง ฉะเชิงเทรา รวมเวลาทั้งหมด 15 วัน ในงานนี้ ช้างกับคน ก็จะมีกิจกรรมร่วมกันในการรับฟังปัญหารูปธรรมที่เป็นผลกระทบจากสภาพปัญหาของอากาศที่เปลี่ยนแปลง ปลุกสำนึกคนให้ออกมาตระหนักถึง “ภัยใกล้ตัว” รวมทั้งเรียกร้องรัฐบาลไทย และประธานาธิบดีโอรัค โอบามาในฐานะผู้นำโลก เข้าของวลีเด็ด “change” ให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่โคเปนเฮเกนครั้งนี้เพื่อผลักดันการประชุมเวทีโลกให้เกิดผลเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ
อาจารย์ยักษ์ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า งานนี้ โอบามา กับ โอบา มาร์ค ของเรา ใครจะ Change มากกว่ากัน