9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
โลกสวยด้วยมือเรา 2
โลกจะ “สวย” หรือ “ซวย” ก็ด้วยมือของเรา มนุษย์ที่เป็นเจ้าของบ้าน นับแต่นี้ไป ข่าวที่เราจะได้ยินได้ฟังทุกวันก็คงหนีไม่พ้น เรื่องราวที่เกี่ยวกับ โรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ชนิดต่าง ๆ จากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ วันนี้เรามีไวรัสเอดส์สายพันธุ์ใหม่ โรคที่เคยระบาดและควบคุมได้ในอดีตจะกลับมาอีก เช่น กาฬโรคในจีนที่เป็นข่าวเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็ยังไม่มีใครรับรองได้ว่าเราจะสามารถควบคุมมันได้จริง ๆ ภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า ที่จะเกิดในพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีไฟป่ามาก่อน เร็ว ๆ นี้ก็ที่ประเทศแคนาดา ทั้งหมดเป็น “อาการเตือน” ถึงภูมิคุ้มกันที่กำลังเหลือน้อยเต็มทีของของโลก บ้าน หลังเดียวของมนุษย์
สิ่งที่น่าตกใจคือ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ป่าอเมซอน ซึ่งถือว่าเป็น “ปอด”ของโลกก็ว่าได้ กำลังอยู่ในอาการ “เผาไหม้ตัวเอง” เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นของโลก แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือเมื่อนักวิทยาศาสต์ด้านพฤษศาสตร์พบว่าเมื่อความร้อนขึ้นถึงจุด ๆ หนึ่ง ต้นไม้จะทำหน้าที่กลับตาละปัตร เพราะแทนที่ต้นไม้จะดูดคาร์บอนไดออกไซด์ และคายออกซิเจน ต้นไม้จะดูดออกซิเจนและคายคาร์บอนไดออกไซด์แทน ถึงตอนนั้น มนุษย์ก็คงถึงกาลอวสาน เพราะเพียงขาดออกซิเจน 3 นาทีมนุษย์ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้แล้ว สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ความจริงและข้อสังเกตที่นักวิทยาศาสตร์ที่เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นผลกระทบมาจากภาวะโลกร้อนนี้ไม่อาจสื่อไปถึง “ผู้นำโลก” ที่จะให้มีมาตรการอย่างทันท่วงทีในการแก้ปัญหา เพราะทุกอย่างโยงใยไปถึง “ผลประโยชน์เฉพาะหน้า” ที่ต้องรักษาของผู้นำเหล่านี้ จึงกลับกลายเป็นว่าภารกิจ “รักษ์โลก” จึงตกเป็นของ “คนเล็ก ๆ” บนโลกนี้อย่างพวกเราที่ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือโดยไม่ต้องหวังพึ่งใครโลกสวยด้วยมือเราจึงเริ่มต้นด้วยการปลูกต้นไม้ ใช้น้ำอย่างประหยัด ลดขยะ ลดกิจกรรมที่จะทำให้เกิด “ก๊าซเรือนกระจก” ลดการใช้พลังงานที่มาจากฟอสซิล เช่น น้ำมันดิบ ถ่านหิน หันมาใช้พลังงานทางเลือกให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากน้ำ ลม หรือแสงอาทิตย์ ดำรงชีวิตด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง “ใช้พอดี อยู่พอดี กินพอดี” เพียงแค่การกินพอดีก็ช่วยลดโลกร้อนได้แล้ว เช่น ลดการกินเนื้อสัตว์ ทราบไหมว่า ปศุสัตว์ คือหนึ่งในแหล่งผลิตก๊าซมีเทนและมลพิษที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และที่สำคัญ ปศุสัตว์มีต้นทุนซ่อนเร้นทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นอันมาก เช่น ฟาร์มเนื้อวัวขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เนื้อที่จำนวนมากหมายถึงการสูญเสียป่าเปลี่ยนป่าเพื่อปลูกหญ้าให้วัวกิน และต้องใช้น้ำจำนวนมหาศาลในการดูแลหญ้า ฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ก็เช่นกันเป็นแหล่งก่อมลพิษทั้งทางอากาศและทางน้ำที่สำคัญเพราะขี้หมู ขี้ไก่ จำนวนมากนั้นนอกจากจะปล่อยก๊าซมีเทนแล้วมักถูกกำจัดให้ลงไปอยู่ในแม่น้ำลำคลอง มีผลให้แม่น้ำลำคลองเน่าเสีย รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ สารเร่งการเจริญเติบโต เร่งฮอร์โมน จำนวนมากที่ผลกระทบสุดท้ายก็ตกถึงผู้กินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราคงจำได้ว่าวิถีดำรงชีวิตแบบไทย ๆ นั้น อาศัยผัก ปลา เป็นหลัก สำรับอาหารไทยนั้น หมูเห็ดเป็ดไก่ ถือเป็นของแถม หรือ กินกันในโอกาสพิเศษ การดำรงชีวิตแบบ “รักษ์โลก” ง่าย ๆ คือ กลับไปหาอาหารการกินแบบไทย ๆ ที่ไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่ทำร้ายโลก และเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วย ดูเหมือนว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นกิจวัตรจนกลายเป็นอาหารหลักนั้นได้นำพาให้มนุษย์ต้องพบกับ “วิบากกรรม” ของโรคภัยไข้เจ็บที่มาจากสัตวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น โรควัวบ้า ไข้หวัดนกที่ทำให้เราต้องฆ่าชีวิตสัตว์ปีกไปหลายล้านตัว และล่าสุดไข้หวัดหมู “สัญญาณเตือนภัย” ทั้งหมดนี้ เพื่อให้มนุษย์ “สำเหนียก” ว่า วิธี “รักษ์โลก” ที่ถูกต้องคือ การเคารพต่อธรรมชาติ และ สรรพสิ่ง และเคารพในทุกชีวิต การ “เบียดเบียน” ธรรมชาติและสรรพสิ่ง สุดท้ายนำมาสู่การ “เบียดเบียนตนเอง” เข้าสุภาษิต “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
อาจารย์ยักษ์ มหา'ลัยคอกหมู