ย้อนไปเมื่อ 12 ปีก่อน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “ที่เกิดมีวิกฤติการณ์ขึ้นมา ก็เพราะว่าขยายการผลิตมากเกินไป และไม่มีใครซื้อ เพราะไม่มีใครมีเงินพอที่จะซื้อ ต้องถอยหลังเข้าคลอง จะต้องอยู่อย่างระมัดระวัง และต้องกลับไปทำกิจการที่อาจจะไม่ค่อยซับซ้อนนัก คือใช้เครื่องมืออะไรที่ไม่หรูหรา มีความจำเป็นที่จะถอยหลัง เพื่อที่จะก้าวหน้าต่อไป ถ้าไม่ทำอย่างที่ว่านี้ ก็จะแก้วิกฤติการณ์นี้ยาก” 

     แต่ดูเหมือนไม่มีใครฟังพระองค์ท่าน โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจจัดการกับปัญหาบ้านเมือง วิกฤติการณ์ที่เอ่ยถึงในพระราชดำรัส ถอยหลังเข้าคลองนี้จึงดูทันสมัยเสมอ โดยเฉพาะกับวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2552 ที่เป็นวิกฤติการณ์ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็นทั่วทั้งโลก

     หากมองในระดับมหภาค การวิเคราะห์ปัญหาของพระองค์ท่านถูกต้องแม่นยำที่ว่า วิกฤติการณ์เกิดขึ้นเพราะว่าขยายการผลิตมากเกินไป และคนไม่ซื้อ เพราะไม่มีกำลังเงินที่จะซื้อ ทุกคนพากันซื้อในสิ่งที่เกินความจำเป็นมากเกินไป และเป็นกันมานาน จนถึงวิกฤติการณ์ได้ลุกลามไม่ใช่เฉพาะระดับชีวิตมนุษย์ แต่ลุกลามไปถึงระบบนิเวศทั้งระบบ

     โลกใบนี้ประกอบด้วย น้ำทะเล 3 ส่วน และอีก 1 ส่วนที่เป็นที่ราบ ภูเขา ป่าไม้ รวมถึงแม่น้ำ ลำคลอง ห้วยหนองคลองบึง ที่เป็นแหล่งน้ำจืด ส่วนประกอบของแหล่งน้ำจืดบนโลกใบนี้จึงเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับเนื้อที่ทั้งหมดของโลก ปริมาณน้ำจืดบนโลกมีเพียง 3% เท่านั้นของปริมาณน้ำทั้งหมด และ 2 ใน 3 เป็นน้ำแข็งตามยอดเขาหรือขั้วโลก มีเพียง 0.3% เท่านั้นที่เป็นปริมาณน้ำบนดิน ที่เหลือเป็นน้ำใต้ดิน

     ต้นกำเนิดวัฏจักรของน้ำ คือ หยาดน้ำฟ้า ที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกในรูปฝนและหิมะ แม่น้ำทุกสายบนโลกนี้ ทะเลสาบ และห้วยหนองคลองบึงทั้งหมดที่เราเห็นว่ามหาศาล ที่จริงแล้วน้อยนิด ประกอบกันเป็นปริมาณเพียง 0.3% เท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่หล่อเลี้ยงประชากรบนโลกใบนี้ถึง 6,786 ล้านคน คาดกันว่าประชากรโลกจะสูงถึงระดับ 7,000 ล้านคน ในปี 2013 และ 9,200 ล้านคน ในปี 2050 เรียกว่าโลกจะมีประชากรเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 3,000 ล้านคน ภายใน 40 ปีข้างหน้า!!!

     เพียงแค่สถิติง่ายๆ แค่นี้ ระดับเด็ก ป.4 ก็สามารถรับรู้ได้ว่า โลกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเรื่องน้ำขนาดไหน แม้ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีการทำลายแม่น้ำลำคลอง ในสภาพการณ์ที่โลกกำลังร้อน ภูเขาหิมะกำลังละลาย ก้อนน้ำแข็งกำลังละลาย ซึ่งแสดงถึงแหล่งน้ำจืดที่สำคัญกำลังสูญสลายไป หากรวมถึงแม่น้ำลำคลองที่ถูกมนุษย์พากันทิ้งขยะ ทำให้เป็นแหล่งระบายของเน่าเสียจนใช้การไม่ได้อีก ปริมาณน้ำที่ยังจะพอให้มนุษย์ได้อาศัยจริงๆ คงเหลือไม่ถึง 0.1%

     ถ้าคิดต่อไปว่า ต้นกำเนิดวัฏจักรของน้ำคือ หยาดน้ำฟ้า ที่มาจากความชื้นสัมพัทธ์ของชั้นบรรยากาศโลก ที่ต้องอาศัย “ป่า” เป็นกำลังสำคัญ เรายิ่งน่าจะต้อง “ตกใจ” ที่เครื่องจักรที่ทำหน้าที่ผลิต “น้ำ” ก็กำลังถูกมนุษย์เองนี่แหละทุบทิ้งอีก

     ไม่มีประโยชน์ที่เราจะ “ตกใจ” แต่นิ่งเฉยไม่ทำอะไร จึงกำเนิดกลุ่มคนตัวเล็กแต่หัวใจใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมนิ่งเฉยลุกขึ้นมาทำภารกิจ “คืนชีวิตให้แผ่นน้ำ” สร้าง ยุทธการถอยหลังเข้าคลอง ยุทธการแรกใน จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ภายใต้ชื่อมหกรรม ชุมนุมพลที่ชุมพร รวมพลพรรคเกษตรโยธินกว่า 500 ชีวิต ทำภารกิจฟื้นฟูแม่น้ำและทะเลภาคใต้ และตามมาติดๆ ในมหกรรม รักษ์ไม่จางที่บางปะกง เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมานี้ เกษตรโยธินภายใต้การนำของมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ร่วมกับอีก 4 ภาคี ปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูแม่น้ำและทะเลในภาคกลาง

อาจารย์ยักษ์ขออนุญาตฉายหนังยุทธการนี้ในรายละเอียดตอนหน้าครับ!
         
"อาจารย์ยักษ์ ณ มหาลัยคอกหมู"