กระบวนการขับเคลื่อนทางสังคม 7 ขั้นตอน ถอดแบบจากการปฏิบัติจริงของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ผ่านการลองผิดลองถูกมาตลอด จนได้เป็น 7 ขั้นตอนซึ่งมีการพัฒนาที่แตกต่างไปจากเมื่อยุคปี 2520-2525 กล่าวคือ สมัยก่อนนั้น เราทำแค่กองกำลังภาคประชาชนและภาครัฐเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ต้องใช้ทั้ง 5 ภาคีมาร่วมกัน จึงจะต้านภัยพิบัติของธรรมชาติได้
ขณะเดียวกัน การกำหนดพื้นที่เป้าหมายก็แตกต่างออกไป ยุคนั้นพื้นที่เป้าหมายอยู่ที่ชายแดนในพื้นที่จำกัด คือ เฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออก แต่ขณะนี้ข้าศึกมาทุกทิศทาง ภาคเหนือและอีสานตอนบนในรูปภัยหนาว ภัยพิบัติหมอกควัน ภัยแล้ง ภัยแผ่นดินถล่ม รวมทั้งภาคใต้บางส่วนที่มีที่สูง ในขณะที่ที่ราบลุ่มภาคกลางเผชิญภัยพิบัติน้ำท่วม ภัยแล้ง ภัยจากโรคระบาดรวมทั้งภัยความขัดแย้งทางสังคม ตอนปลายของลุ่มน้ำไปถึงทะเล เป็นพื้นที่ซึ่งนอกจากจะต้องเจอกับภัยทั้งหมดแล้วยังพ่วงภัยจากน้ำทะเลยกตัวหนุนสูง สตอร์มเซิร์จ สึนามิอีกด้วย
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 อาจารย์ยักษ์พยายามทำตามแนวทางนี้มาตลอด ยุคนั้นอาศัยการทำงานในกลไกภาครัฐ แต่ในวันหยุดก็ออกไปจัดตั้งความคิดให้กับประชาชน เกิดเป็นเครือข่ายภาคประชาชนขึ้น เริ่มที่มาบเอื้อง จ.ชลบุรี ก่อนขยายไป 9 ศูนย์ 40 ศูนย์ จนไปสู่ 53 ศูนย์เรียนรู้และอีก 30 ศูนย์เตรียมการในปัจจุบัน โดยที่ภาคีภาคอื่นๆ ที่พอมีคนที่เชื่อถือและเข้าใจก็เข้ามาร่วมครบแล้วทั้ง 5 ภาคีในบางพื้นที่แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์
อยากย้ำว่าขณะนี้จำเป็นต้องระดมทั้ง 5 ภาคีเข้าร่วม โดยคำยืนยันนั้นมาจากทุกส่วน ทุกภาคี เช่น นักวิทยาศาสตร์จากนาซา ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรคนไทยที่อายุน้อยที่สุดในองค์การนาซา ทำงานประจำอยู่สถาบัน "กอดดาร์ด สเปซ ไฟลท์ เซ็นเตอร์ (NASA Goddard Space Flight Center)" ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับการสำรวจโลกและจักรวาล รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าในเวลาอันใกล้นี้จะเกิดผลกระทบจากระบบสุริยจักรวาลเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยมวลของลมสุริยะที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีพลังงานต่างๆ และเคหะวัตถุในระบบจักรวาลเข้ามากระทบกับระบบสุริยะเพิ่มขึ้น และจะเกิดขึ้นหนักช่วงรอยต่อระหว่างปี ค.ศ.2012 และ 2013
โดยช่วงดังกล่าวจะเป็นช่วงที่คลื่นจากภายนอกระบบสุริยะเข้ามากระทบอย่างรุนแรง รวมทั้งการเกิดการปะทุของดวงอาทิตย์เองก็จะมีผลต่อโลก โดยส่งคลื่นความร้อนมากระทบกับโลกโดยตรง ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นเป็นพายุ และคลื่นความร้อนรุนแรง อากาศเปลี่ยนฤดูกาล ไปจนถึงส่งผลให้ขั้วแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น
ทั้งหมดนี้ คืออิทธิพลจากภายนอก แต่อาจารย์ยักษ์เห็นว่าอิทธิพลจากภายในโลกเองก็หนักหนา โดยเฉพาะภัยจากมนุษย์ที่ไปตั้งถิ่นฐานในที่ที่ไม่ควรอยู่ เช่น ตั้งบ้านเรือนขวางทางน้ำหลาก ตัดไม้ในพื้นที่ต้นน้ำ ทำลายสมดุลโลก ยิ่งเป็นผลให้ความแปรปรวนของสภาพอากาศรุนแรงยิ่งขึ้น และที่สุดมนุษย์เองก็จะต้องรับเคราะห์กรรมนั้น
อาจารย์ยักษ์เห็นภาพนี้มาเกือบ 30 ปี เลยตัดสินใจลงมือทำ ซึ่งกระบวนการทำงานอย่างมีจังหวะก้าวเป็นขั้น เป็นตอนที่ว่านี้ ก่อให้เกิดเป็นขบวนการขึ้นบ้างแล้ว เราเรียกขบวนการนี้ว่า “คืนชีวิตให้แผ่นดิน” บ้างก็เรียก ขบวนการเศรษฐกิจพอเพียง ขบวนการเกษตรโยธิน ขบวนการยุวเกษตรโยธิน แต่ไม่ว่าชื่ออะไรก็มีเป้าหมายเดียวกัน
สัญลักษณ์ของขบวนการนี้ อาจารย์ยักษ์ขอเสนอ ควายคาบจอบ เป้าหมายสำคัญของขบวนการนี้คือ ไม่ว่าขบวนนี้จะไปหยุดอยู่ที่ไหน ต้นไม้บริเวณนั้นจะต้องงาม น้ำจะต้องใส ปลาจะต้องชุกชุม คนจะต้องมีน้ำใจช่วยเหลือเฟือฟายกัน จะต้องเชื่อว่าทานมีฤทธิ์จริง (Our Loss is our Gain) และเชื่อว่าเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้ ต้องรอดด้วยกันเป็นขบวน จะคิดว่าตัวเองเก่งคนเดียวแล้วจะทำงานสำเร็จเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นก็ต้องเร่งทบทวนให้แม่นทฤษฎี ต้องปลุกวิญญาณนักสู้ขึ้นมา ให้เป็นคนมีวิญญาณพร้อมสู้ทุกปัญหา และเมื่อเชื่อว่าคนเดียวทำไม่สำเร็จก็จะต้องประสานทุกฝ่ายช่วยกัน อาจยืมคำเดิมเมื่อในอดีตมาใช้อีกครั้งคือ “การระดมสรรพกำลัง” เพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติ ซึ่งมีแต่กระทำดังนี้เท่านั้นจึงจะรอดพ้นจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ได้

"อาจารย์ยักษ์ มหา’ ลัยคอกหมู"