ในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ มีเรื่องที่ทำให้อาจารย์ยักษ์รู้สึกชื่นใจ คือการได้เห็นผู้คนในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม แสดงความตั้งใจ และความใส่ใจ ในการที่จะปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็พยายามหาแนวทางที่เหมาะสมกับสถาบันของตนเอง หรือภาคประชาชนที่ทำกันมาเป็นเวลานานอยู่แล้ว ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น ภาคประชาสังคมก็พยายามที่จะสร้างแนวทางที่ยั่งยืนในการขับเคลื่อนกันไปเป็นกระบวนการ ส่วนสื่อมวลชนนั้นก็ตอบรับอย่างดี ด้วยการสนับสนุนและสื่อสารกิจกรรมดีๆ ที่ทุกคนช่วยกัน “ปฏิบัติบูชา” นี้เผยแพร่ออกไป 
          ความมุ่งมั่นและตั้งใจของคนจำนวนมากที่ผสานกำลังกันในสังคมแบบนี้ ทำให้อาจารย์ยักษ์คิดว่า ได้มองเห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิด และปลายอุโมงค์ยังมีทางออก แม้ว่าเรายังจะต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ทั้ง 4 ด้าน แต่ความสามัคคีนี้ ก็จะช่วยให้พวกเราชาวไทยสามารถฝ่าฟันผ่านไปได้อย่างแน่นอน 
          ริเวอร์โปร กรุ๊ป ผู้ผลิตกระดาษทิชชู โรงงานคนไทยที่ใหญ่เป็นลำดับ 3 ของประเทศ เป็นอีกหนึ่งในตัวอย่างบริษัทเอกชนที่ตั้งตัวเป็นแกนนำในการทำกิจกรรมฟื้นฟู ดิน น้ำ ป่าไม้ ชายคลอง โดยเริ่มต้นที่ “คลองสำโรง” จ.สมุทรปราการ ลำคลองนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน เป็นคลองสำคัญของจังหวัดสมุทรปราการ ความยาวประมาณ 55 กิโลเมตร เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกง โดยลักษณะเป็นคลองขุด สันนิษฐานว่าขุดขึ้นเมื่อครั้งขอมยังเรืองอำนาจในดินแดนแถบนี้ ราวพุทธศักราช 978-1700 
          ลำคลองสายนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 800 ปี เป็นลำคลองสายที่สำคัญ มีเรื่องราวความเป็นมาของผู้คนที่ผ่านลำคลองสายนี้ในแต่ละช่วงเวลาให้รำลึกและจดจำ ผู้คนในปัจจุบันก็มีเรื่องราวที่เชื่อมร้อยพวกเขาเข้าด้วยกัน มีสิ่งที่เป็นเส้นเชือกกลางเชื่อมโยงให้ผู้คนที่แตกต่างทั้งสังคม เชื้อชาติ สัญชาติ และสถานทางสังคม สามารถเกาะเกี่ยวกันได้ เพราะทุกผู้คนในพื้นที่นั้นๆ ต่างเกี่ยวพันกับคลองสำโรง การรู้รากเหง้าทางประวัติศาสตร์ จึงเป็น “จุดเชื่อมโยง” ที่สำคัญของโครงการ “กิจกรรมคลองสวย น้ำใส น้ำใจริเวอร์โปร กรุ๊ป ร่วมเทิดพระเกียรติพ่อหลวง” 
          โดยริเวอร์โปร กรุ๊ป ร่วมกับชุมชนด่านเจริญ ซอย 35 สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง และเครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง จัดกิจกรรมเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่คนในชุมชนสองข้างคลองสำโรงในละแวกที่โรงงานตั้งอยู่ โดยมีการอบรมเศรษฐกิจพอเพียง สอนการปั้นระเบิดจุลินทรีย์ และร่วมกันโยนลงคลองสำโรงเพื่อคืนชีวิตให้แก่คลองสำโรง

          การริเริ่มของริเวอร์โปร กรุ๊ป เป็นแรงกระตุ้นให้คนในพื้นที่สำโรงเห็นความสำคัญของลำคลอง และศักยภาพของคนในชุมชนที่สามารถร่วมมือ ร่วมใจกันทำกิจกรรมเพื่อพื้นที่ของตนได้ โดยการร่วมมือกันทุกภาคส่วน ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ในเชิงประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นจุดร่วม โดยการนำศาสตร์พระราชาเพื่อการจัดการน้ำมาสู่การปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ทั้งการใช้ธรรมชาติสู้ธรรมชาติ หรือการใช้พืชน้ำบำบัด การทำกล่ำ ซั้ง เหญาะ เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของปลา การบำบัดน้ำด้วยกังหันน้ำ แสดงให้เห็นเจตนาของการตั้งใจทำจริงเพื่อฟื้นฟูน้ำในคลองสำโรง 
          อาจารย์ยักษ์เห็นว่าโครงการตัวอย่างที่ยกมานี้ สะท้อนให้เห็นภาพรวมของการปฏิบัติบูชาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ที่เริ่มต้นด้วยการรู้รากเหง้าของตนเอง เป็นพลังเชื่อมร้อยผู้คนในพื้นที่เข้าด้วยกัน โดยมองข้ามเส้นกรอบทางสังคมทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดแล้วหากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เส้นขีดต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมานั้นก็ไม่มีความสำคัญเลย จะมีก็แต่เพียงเส้นที่ธรรมชาติขีดขึ้นเอง เช่น ภูเขา ลุ่มน้ำ ลำคลอง เท่านั้น 
          การปฏิบัติบูชาเพื่อเทิดพระเกียรติ จึงมีความหมายมากกว่าการ “พูดจริง ทำจริง” แต่ยังเป็นการพูด และทำ เพื่อความอยู่รอดของผู้คนในสังคมด้วยเช่นกัน

"อ.ยักษ์ มหา’ลัยคอกหมู"