สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง เรื่อง มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้มีคำสั่งห้ามนายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ  ยุติการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เรื่องการพยากรณ์เกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์สตอร์ม เซิร์จ ผู้ฟ้องกล่าวว่าเป็นการสร้างความสับสนและตื่นตระหนกให้กับประชาชน บางพื้นที่พบว่าประชาชนย้ายออกจากบ้าน มีการปิดโรงเรียน นักเรียนขาดเรียน นักธุรกิจประสบปัญหาไม่สามารถขายที่ดินและบ้าน ส่วนโรงงานใน ต.ท่าฉลอม ที่ใช้แรงงานพม่าอย่างถูกกฎหมายแรงงานพม่าเดินทางกลับประเทศเพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับพายุนาร์กีสในพม่า  กรณีดังกล่าวนายสมิทธกล่าวว่า “ผมไม่รู้ทำอย่างไร มันเป็นหน้าที่ของผม คราวที่ผมไปบรรยายที่ปากน้ำ ไม่เคยทำให้ใครตกใจ มีคนฟังจำนวนมาก  และขอบคุณผม แต่ต่อไปนี้ผมหยุดแล้ว รู้สึกเสียใจ เหมือนทำคุณบูชาโทษ เวลาเตือนภัยอะไรก็โดนด่า เหมือนกับตอนที่เตือนภัยสึนามิครั้งที่แล้ว ไม่ทราบจุดประสงค์ของผู้ฟ้อง อาจจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจที่มีทำเลอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเกิดสตอร์ม เซิร์จ ร้องเรียนเขาให้ดำเนินการในเรื่องนี้ก็เป็นได้” 

          อาจารย์ยักษ์เห็นข่าวนี้แล้วนึกถึงคำโบราณ ที่ว่า “จิ้งจกทัก ต้องฟัง” ทำไมคนไทยสมัยนี้ขนาด นักวิทยาศาสตร์ทัก แล้วไม่ฟัง สังคมเป็นแบบนี้ คนดีก็ท้อแท้ เกิดอะไรขึ้นกับสังคมบ้านเรา หรือเพราะอำนาจเงินบังตา ยึดประโยชน์ตน สำคัญกว่าประโยชน์ท่าน ควรหมดยุค “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” ได้แล้วสำหรับสังคมไทย การตั้งตนอยู่ในความประมาท นำพาชาติสู่ความล่มจมทุกวันนี้ ยังไม่ถือเป็นบทเรียนราคาแพง ให้คนไทย ได้สำนึกเพื่อให้ รู้เท่า เอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้ เลยหรือ การตั้งตนอยู่ในความประมาทไม่ฟังคำเตือนของอาจารย์สมิทธในเหตุการณ์สึนามิได้ส่งผลเสียหายอันใหญ่หลวงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก ภัยพิบัติจากมหาสมุทรพิโรธครั้งนั้น   ทำให้เกิดโรคภัยตามมาทั้งในคน พืช และสัตว์ ผู้คนสูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หลายครอบครัวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้รับผลร้ายทุกข์ระทมเพราะบางครอบครับทั้งพ่อแม่เสียชีวิตและสูญหายไปทั้งคู่ เกิดปัญหาตามมาทั้งด้านร่างกายและสภาพจิตใจโดยเฉพาะในเด็กๆ  ความเศร้าสลดใจและสะเทือนขวัญได้เกิดขึ้นเป็นสัญญาณเตือนภัยมาแล้ว ภาวะอดยาก ข้าวยากหมากแพง กระทบกระเทือนกับเศรษฐกิจระดับภูมิภาค แม้แต่สิ่งของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังถูกขโมยสูญหาย นับว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดกันจริง ๆ

          อาจารย์ยักษ์ขอภาวนาว่าอย่าเกิดกับพี่น้องชาวไทยอีกครั้งเลย  สังคมไทยต้องหันหน้าเข้าหากัน ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส แทนที่จะมานั่งทะเลาะเบาะแว้งฟ้องร้องกันเข้าคุกเข้าตะราง หยิบเอาคำเตือนของอาจารย์สมิทธ์มาเป็นประโยชน์ในการระดมความสามัคคีในการแก้ไขปัญหา ใช้ปัญญาในการแก้ไข ด้วยการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยมุ่งมั่นร่วมกันแก้ไขปัญหา จัดประชุมสัมมนากับภาคีทุกภาคส่วนทั้งนักวิชาการ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ประชาชน เกษตรกร และสื่อมวลชน เพื่อหาแนวทางและยุทธวิธีรองรับภาวะวิกฤติ การเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า เตรียมพร้อมด้านการหนีภัย การอพยพขนย้ายผู้คนในภาวะวิกฤติ ดังเช่นที่อาจารย์ยักษ์เคยจัดอบรมหลักสูตร “หนีตาย” มาแล้วที่มาบเอื้อง การเตรียมแหล่งน้ำสะอาดและแหล่งอาหารให้เพียงพอรองรับจำนวนผู้คนที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติ การหันกลับสู่การสร้างบ้านเรือนด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่แข็งแรงทนทานเหมาะสมกับพื้นที่ลุ่มต่ำและน้ำท่วมถึง ที่บรรพบุรุษของเราพัฒนาภูมิปัญญาการก่อสร้างมาเป็นร้อยเป็นพันปี อีกประเด็นที่อาจารย์ยักษ์เห็นว่าสำคัญคือ การร่วมไม้ร่วมมือและจัดระบบความสามัคคีของคนในสังคมเพื่อร่วมกันรักษาและปลูกป่าชายเลนเพื่อเป็นปราการธรรมชาติที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับผืนแผ่นดินเป็นทั้งแหล่งหลบภัย แหล่งอาหารได้ทั้งคนและสัตว์ การวางแผนและจัดการในภาวะวิกฤติ จึงเป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด การเกิดภัยพิบัติสึนามิและพายุไซโคลนนาร์กีส คงทำให้คนไทยเห็นภัยใกล้ตัวที่คืบคลานมาแล้วทุกขณะ กฎของการปรับตัวไปสู่ความสมดุลของโลก กำลังสำแดงฤทธิ์ให้มนุษยชาติพึงสำเหนียกการเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของโลก ไม่ใช่แสดงความอหังการว่าโลกทั้งใบให้นายคนเดียวอีกต่อไปแล้ว มนุษย์ไม่ใช่ผู้วางกฎเกณฑ์ของโลก โลกต่างหากที่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ อาจารย์ยักษ์ขอย้ำดังๆ อีกครั้งว่าธรรมชาติกำลังคัดสรรว่าสิ่งมีชีวิตใดที่ควรคู่อยู่กับโลกใบนี้ต่อไป อาจารย์สมิทธ เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งที่ไขปริศนา กฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ให้เห็นเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อให้คนไทยเตรียมพร้อมเตรียมใจรับภัยธรรมชาติที่จะเกิดในไม่ช้า อาจารย์สมิทธ์ ยอมลำบากและเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเทเวลาเสาะแสวงหาข้อมูลทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศเพื่อมาบอกมาเตือนพี่น้องชาวไทยด้วยกัน คนไทย ถ้าหัวใจไม่ประมาท นักวิทยาศาสตร์ทัก แล้วต้องฟัง ประเทศชาติคงไม่พังแน่ ดีกว่า วัวหาย แล้วมาล้อมคอก แก้ไขกันทีหลังเหมือนดังที่เคยเกิดขึ้น ...เธอทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด  นี่คือพระพุทธดำรัสสุดท้ายก่อนพระพุทธองค์จะเสด็จดับขัณฑปรินิพพาน  ที่อาจารย์ยักษ์ขอฝากไว้กับพี่น้องชาวไทยทุกคน