ปฏิญญาแห่งการ “คืนชีวิตให้แผ่นดิน”

     ในขณะที่คนส่วนใหญ่ของโลกยังเร่งระดมใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและเยาวชนคนรุ่นลูกรุ่นหลาน รัฐบาลของโลกส่วนใหญ่กำลังพูดกันอย่างขะมักเขม้นถึงอัตราการเจริญเติบโตแบบกราฟพุ่ง ทั้งๆ ที่ทุกคนตระหนักดีถึงภัยพิบัติจากสภาวะของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แต่รัฐบาลส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะทำตัวแบบทองไม่รู้ร้อน ในขณะที่มุมหนึ่งเล็กๆ ของประเทศไทยในช่วงวันที่ 17-18 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้คนมาชุมชุมกันประมาณพันกว่าคน ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จุดกำเนิดของขบวนการคืนชีวิตให้แผ่นดิน ผู้คนเหล่านี้มาจากหลายภาคส่วนของสังคม ทั้งภาคประชาชนที่เป็นเกษตรกร ภาคราชการ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทหารบกจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ทหารเรือจากกองทัพเรือสัตหีบ ภาคการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งอาทิ นิด้า รามคำแหง มศว. ราชภัฎราชนครินทร์ โรงเรียนระดับประถม มัธยมจากหลายภาคของประเทศรวมทั้งกศน. ภาคเอกชนจาก ธกส. บริษัทเคเอสแอลกรุ๊ป ปตท. ภาคประชาสังคมและสื่อ จากมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ เครือข่ายภูมิปัญญาไท เครือข่ายพหุภาคีปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน เครือข่ายลูกโลกสีเขียว หนังสือพิมพ์คมชัดลึก บริษัททีวีบูรพา บริษัทพาโนรามา เวิล์ดไวด์ สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย เป็นต้น

     ผู้คนร่วมพันคนเหล่านี้ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศ “ปฏิญญามาบเอื้อง” ซึ่งเป็นการประกาศอุดมการณ์ร่วมกันของผู้คนที่มาชุมนุมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ แห่งการยึดมั่นอุดมการณ์เศรษฐกิจพอเพียง เป็นการประกาศจุดยืนร่วมกันในการกู้วิกฤตประเทศไทยและวิกฤตโลก อาจารย์ยักษ์ขอถ่ายทอด “วิญญาณ” ของนักรบผู้กล้าที่กำลังประกาศท้ารบกับศัตรูที่มองไม่เห็นอย่าง “ทุนนิยมโลกาภิวัตน์” โดยมีอาวุธ “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “พุทธศาสนา” เป็นคมดาบ ชนิดคำต่อคำ

ปฏิญญามาบเอื้อง

     ให้เรียกชื่อว่านี่คือ ปฏิญญามาบเอื้อง อันเป็นข้อตกลงร่วมกัน ของผองกัลยาณมิตร และเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ จากทั่วแดนดินสยามประเทศ ขอประกาศให้ก้องต่อสังคมและสาธารณะตั้งแต่วันนี้ วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ โดยใช้จุดเริ่มที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ตำบลหนองบอนแดง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อันเป็นนามเมืองแห่งน้ำในกาลอดีต พวกเราชาวเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติและกัลยาณมิตร จะร่วมกันสร้างสิ่งที่ยากยิ่ง ๕ ประการให้สำเร็จ เพื่อแผ่นดินแห่งพระเจ้าอยู่หัวฯ และความพอเพียง มั่งคั่ง ยั่งยืน แก่คนไทย มวลมนุษยชาติ และโลก คือ

ประการที่ ๑ เราจะใช้การฝึก การอบรม และการปฏิปทา ตามแนวกสิกรรมธรรมชาติและวิถีเกษตรอินทรีย์สู่เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้แรงร่วมกับเบญจภาคี ตามแบบแผนที่เคยก้าวย่างมา และจะก้าวย่ำต่อไป ตามศูนย์ฝึกที่ขยาย และกระจายครอบคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน

ประการที่ ๒  เราจะกอบกู้ภาวะวิกฤตมวลมนุษยชาติว่าด้วยโลกร้อน เพื่อผองเพื่อนและสรรพสิ่งทั้งมวล ด้วยสติมุ่งมั่นโดยใช้หลักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล และจะเพียรปลูกต้นไม้ในใจคนเพื่อมรรคผลการปลูกต้นไม้ในแผ่นดิน ตลอดจนสร้างคุณค่าให้กำลังแห่งใจ ให้ทวีปริมาณต้นไม้บนโลก ด้วยหลักการธนาคารต้นไม้ เป้าหมายจะสร้างโลก ๕ ใบให้โลกเย็น

ประการที่ ๓ เราจะรุกก้าวเข้าร่วมปฏิรูปการศึกษาของชาติโดยการมุ่งศึกษาที่ตน ฝึกตน สู่การหมุนกลับให้การศึกษา หันเห็นคุณค่าการศึกษาที่มองเห็นวิถีและชีวิตของสรรพสิ่งบนความเอื้ออาทร และหลีกทุนนิยม หลีกอัตตานิยม มาสู่สายกลางแห่งเศรษฐกิจพอเพียง โดยการใช้เบญจภาคีสร้างจุดเริ่มต้นบนภูมิรู้ที่พ่อสอน เพื่อหลุดจากโมหะภูมิที่มี ก้าวเริ่มตามรูปแบบโพธิวิชชาลัย

ประการที่ ๔ เราจะสร้างสายน้ำแห่งคุณธรรม และความรู้แจ้งแห่งธรรม อันตัวแท้คือ ธรรมชาติ  ให้ไหลเข้าจิตวิญญาณ หล่อเลี้ยงสังคม ชุมชน และปัจเจกชน ไว้คอยกำกับทิศทางสายกลางแห่งเศรษฐกิจพอเพียง อันยั่งยืนตั้งแต่ในใจ และในสายเลือด

ประการที่ ๕ เราจะร่วมสร้างสื่อ เป็นพลังสร้างสรรค์ ท่ามกลางความบ้าคลั่งของกระแสทุนนิยม กระชาก และกระตุ้นให้สังคม หันเห็น ตระหนักรู้ถึงชาติเช่น และความเป็นไปของภัยร้าย ณ กาลปัจจุบัน ที่กัดกลืนกิน เลือดเนื้อ ป่นกระดูกผู้อ่อนแอ โดยหวังให้มวลมนุษยชาติลุกขึ้นสู้ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิถีตนเอง

ทั้งมวลนี้ คือ ข้อสรุปร่วม เป็นปฏิญญามาบเอื้อง ที่ผองกัลยาณมิตรสัญญาใจว่าจะสร้างเพื่อสู่จุดหมายอย่างชัด แรง และเร็ว ภายในเวลาตั้งแต่วันนี้ ถึงวันก่อนความล่มสลายของสังคมมนุษยชาติจะปรากฏ ผองเรา จะสร้างความจริง ให้ปรากฏแก่แผ่นดิน ด้วยสัมมาทิฐิแห่งพวกเรา