9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
กุฏิที่ยัง “ร้าง” ของ “พ่อ”
กุฏิที่ยัง “ร้าง” ของ “พ่อ”
ยังจำได้ว่าขณะที่ยังตามเสด็จรับใช้ทรงงานไปยังสถานที่ต่างๆ ครั้งหนึ่ง ณ วัดญาณสังวราราม พระเจ้าอยู่หัวฯ ในขณะที่ยังทรงพระชนม์มายุ 50 พรรษากว่าๆ ได้ตรัสรับสั่งกับคนใกล้ชิด ให้ช่วยสร้างกุฏิให้หน่อย สำหรับที่พระองค์เมื่อถึงแซยิดแล้วจะมาบวชเป็นพระ ปรนนิบัติรับใช้ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ในฐานะที่เคยเป็นพระอภิบาล หรือ พระพี่เลี้ยง เพื่อเป็นการตอบแทนคุณ แต่ในระหว่างที่ยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจและยังทำตามพระราชประสงค์ไม่ได้ ก็ขอให้พวกเราทำหน้าที่แทนพระองค์ในการดูแลรับใช้สมเด็จพระญานสังวรฯ หลังจากนั้น การสร้างกุฏิตามพระราชประสงค์ก็เริ่มขึ้น โดยการออกแบบของสถาปนิกมือหนึ่งของกรมชลประทานที่ทุกคนเรียกขานกันว่า พี่โย่ง (ทรงศักดิ์ ทวีเจริญ) เมื่อแบบเสร็จ และพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทอดพระเนตรแบบ ทรงรับสั่งให้มีการแก้ไขแบบให้เรียบง่ายและประหยัด หลังจากแบบเป็นที่พอพระทัย การก่อสร้างพระกุฏิก็ดำเนินไปจนเสร็จ
แต่ทุกวันนี้ กุฏิหลังนี้ยัง “ร้าง” เพราะพระองค์ยังไม่เสร็จสิ้นพระราชภารกิจ จึงยังทำดังใจหวังไม่ได้ ในฐานะพ่อของแผ่นดิน พระองค์ไม่สามารถทำตามความปรารถนาเหมือนสามัญชนทั่วไปได้ ที่เมื่อถึงวัยเกษียณ อันเป็นวัยที่สังขารบอกว่าถึงเวลา พักผ่อน ก็จะสามารถพักผ่อนและใช้เวลาได้ตามที่ใจต้องการ ในวัย 80 เรายังเห็นพระองค์ท่านทรงงาน ยังห่วงใยความเป็นไปของบ้านเมือง ยังออกมาชี้แนะ มีพระราชดำริในยามที่บ้านเมืองพบวิกฤตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตธรรมชาติ หมอกควันพิษ น้ำท่วม แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย การเปิดปิดประตูระบายน้ำ วิธีการต่างๆ ในการป้องกันน้ำท่วมทั้งที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเมืองไทยเราสิ้นคนดี คนเก่งแล้วหรือ เรื่องเล็กน้อยเช่น รถติด น้ำท่วม หาคนแก้ไม่ได้ กลายเป็นปัญหาซ้ำซาก เรื่องแค่นี้ยังต้องให้ พ่อ ผู้เหน็ดเหนื่อย ต้องกังวลใจไม่มีวันรู้จบ นี่กระมังที่ทำให้ พระองค์ท่าน ยังมิสามารถ เกษียณ พระองค์เอง และ พักผ่อนตามที่ใจปรารถนาเหมือนครั้งที่มีพระราชดำริให้สร้าง กุฏิ เพราะพระองค์ทรงตระหนักว่า ประเทศและพสกนิกรที่เป็นลูกๆ ยังอยู่ในความยากลำบาก ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยสงคราม ข้าวยากหมากแพง ความแตกแยกทางความคิด ปัญหานานัปการกำลังถาโถมลูกๆ ของพระองค์อยู่ ไฉนเลย พ่อ จะวางตัวอุเบกขาไม่ทุกข์ร้อนได้กระไร แม้พระวรกายจะไม่เอื้ออำนวยให้เดินทางไกล สมบุกสมบันไปทุกหนทุกแห่งที่มีพสกนิกรอยู่เหมือนในอดีต แต่เราชาวไทยทุกคนต่างเชื่อมั่นเหลือเกินว่า จะไม่มีวันใดวันหนึ่งที่พระองค์จะไม่รับรู้เรื่องราวความเดือดร้อน ความทุกข์ยาก ไม่ว่าเรื่องราวนั้นจะอยู่ ณ มุมใดของประเทศ หากเป็นเรื่องสำคัญพระองค์ก็จะทรงออกมาชี้แนะด้วยพระองค์เอง ตามความเหมาะสม นอกจากจะทรงงานหนักเพื่อพลิกฟื้นคืนความเป็น “แชมป์” ของประเทศที่กำลังสูญสลายไป พระองค์ยังทรงทุ่มเทพระวรกายคิดค้น ปรัชญาการดำเนินชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็น เสาหลัก สำหรับลูกๆ มิให้เดินหลงทาง ท่ามกลางกระแสลมที่เชี่ยวกรรโชก ของโลกาภิวัตน์ และทรงดำรงพระองค์ให้เป็นแบบอย่างของความพอเพียงด้วยพระองค์เอง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลพระองค์ทรงทราบดีว่า ความพอดี ความมีเหตุผล ความรู้ คุณธรรม จะทำหน้าที่ปกป้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่เชื่อในหลักคิดนี้ หากผู้นำและพสกนิกรของสยามประเทศเมืองนี้แม้เพียงครึ่งหนึ่งที่จะ “ฟัง” และปฎิบัติตามสิ่งที่พระองค์ได้ทรงวางแนวทางไว้ ก็เชื่อแน่ว่าประเทศชาติจะหลุดออกจาก อวิชชา โมหภูมิที่ครอบงำผู้คนอยู่นานชั่วนาตาปี เมื่อถึงเวลานั้น กุฏิ ที่เคย “ร้าง” ก็อาจจะมีโอกาสได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งพักพิงพระราชหฤทัย และพระวรกาย ตามที่พระองค์ได้ทรงปรารถนาไว้