9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
ฟื้นฟูปฐพีไทยด้วยศาสตร์พระราชา - ป่าหมดเพราะคนคด ป่ารันทดเพราะคนโกง
ฟื้นฟูปฐพีไทยด้วยศาสตร์พระราชา - ป่าหมดเพราะคนคด ป่ารันทดเพราะคนโกง
หมู่นี้เห็นผู้คนที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ “ป่า” ของประเทศออกมาคึกคักพูดคุยวิเคราะห์ และหาทางแก้ปัญหาป่าไม้ของประเทศที่อยู่ในอาการ “โคม่า” กันจ้าละหวั่น หลังมีพระเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คงต้องตั้งคำถามกันหนักๆ ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่ดูแลรักษา ป่า ของประเทศนี้เมืองนี้ ไม่ทราบหรอกหรือว่า ป่าไม้ที่เสื่อมสภาพ ทรุดโทรมหนักขนาดนี้เป็นเพราะอะไร เกิดจากอะไร ถ้าป่าไม้ร่ำไห้รำพันได้ ป่าไทยก็คงร่ำไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือดออกมาเป็นภาษาคนว่า
เราต้นไม้ให้กิ่งใบกับคนเขา
ให้ร่มเงาเยือกเย็นเป็นกุศล
ให้ดอกสวยรวยรื่น ชื่นกมล
ท่านเป็น “คน” ท่านให้อะไรเรา
นอกจาก ขวาน เลื่อย และ ไม้ขีดไฟ
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักบุคคลที่ชื่อ สืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผู้ที่ จบชีวิต ตัวเองเพื่อประท้วงระบบราชการไทยที่ “ปากว่าตาขยิบ” กับการอนุรักษ์ป่าไม้ของประเทศ หลังจาก 1 กันยายน ปี 2533 ที่ สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะไม่สามารถรักษาอุดมการณ์ของตนเองในการพิทักษ์ป่าภายใต้ระบบราชการไทยได้ ทุกคนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่สืบปลิดชีวิตตนเอง กลับมาตั้งคำถาม กลับมามองปัญหาและกลับมาหาทางแก้ไข ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 17 ปีแล้ว หากสืบยังมีชีวิตอยู่ สืบคงต้องร่ำไห้ และเสียใจมากกว่าที่เป็น ทุกอย่างไม่ดีขึ้น ทุกอย่างกลับเลวร้ายลง สืบ กลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ของนักอนุรักษ์ป่าไม้คนหนึ่งที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์อุดมคติ การเสียชีวิตของสืบท้ายสุดไม่ได้ก่อให้เกิดผลสะเทือนใดๆ ไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของวงการป่าไม้ไทยเลย
โมหจริตของผู้คนที่คำนึงถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้าของตนเอง และระบบกลไกรัฐที่ “Inefficient Corrupted” แปลเป็นภาษาไทยตรงๆ คือ ห่วยและ เ_้ย ขาดทั้ง จิตสำนึก อุดมการณ์ วิธีคิด วิธีการที่ถูกต้องในการแก้ปัญหา เป็นตัว “กระทำชำเรา” ให้ ป่าไม้ไทย ต้องร่ำไห้รันทดอย่างไม่เห็นทางแก้ การกลับมาคึกคัก เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาป่าไม้ของประเทศบนฐานแนวคิดเดิม โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย อำนาจ และเงิน เป็นตัวตั้ง อาจารย์ยักษ์ขอฟันธงว่า ไม่มีทางสำเร็จ สัมมาทิฐิบนคุณธรรม ความรู้ และความรัก เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ของประเทศได้ สัมมาทิฐิในระดับนโยบายรัฐ ที่คิดชอบ เห็นชอบ และกระทำชอบ ไม่จาริกอยู่ในโมหภูมิของ ผลประโยชน์ตน หยุดส่งเสริมพืชเชิงเดี่ยว หยุดส่งเสริมพืชเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นตัวเร้าให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่ามากขึ้น การตัดชุมชนออกจากป่า นอกจากไม่สามารถรักษาป่าได้แล้ว รัฐยังสูญเสียเงินมหาศาลในการสร้างหน่วยพิทักษ์รักษาป่า ซึ่งท้ายสุดก็ไม่อาจใช้ปืนดูแลป่าได้ ความรักและความรู้อย่างถ่องแท้ต่อความสัมพันธ์ระหว่างป่ากับคนสะท้อนอยู่ในแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถภายใต้แนวคิด “คนอยู่ป่ายัง” “บ้านเล็กในป่าใหญ่” อันเป็นแนวคิดที่คนและป่าเกื้อกูลกันและอยู่กันอย่างสันติ ดูแลซึ่งกันและกัน แนวคิดนี้มิใช่เป็นเพียงอุดมการณ์ที่ล่องลอย แต่เกิดขึ้นแล้วจริงในหลายพื้นที่ของประเทศ (แต่ยังน้อยนิดเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด) เมื่อสืบสาวดูความสำเร็จแล้ว ทุกที่ล้วนเกิดจากการวางปืนลง เอาความอหังการของการเป็น “เจ้าคนนายคน” ออกไป เติมเต็มความรู้ และความรักอย่างท่วมท้นต่อ “คน” ที่ต้องสัมพันธ์กับป่า เปลี่ยนความสัมพันธ์แบบ “ปฏิปักษ์” มาเป็นความสัมพันธ์แบบ “ดูแลกัน” เมื่อคนต้องอยู่กับป่า และมี ป่า เป็น บ้าน ไฉนเลยจะทำลาย “บ้าน”ที่ให้อาหาร ให้ความอบอุ่น ให้ความรัก ได้ลงคอ ฉบับหน้าเรามาว่ากันว่า แนวคิด คนอยู่ป่ายัง บ้านเล็กในป่าใหญ่ เกิดขึ้นที่ไหนบ้าง เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะแก้ปัญหาการทำลายป่าอย่างถาวรได้อย่างไร