9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
ฟังคำ “พ่อ”
ฟังคำ “พ่อ”
“ลูกเอ๋ย.....ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอก
ที่มีความรื่นรมย์ และสบายสำหรับเจ้า
ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย
จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า
เลือดของเจ้าเปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ
น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว
เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงามเต็มที่
เพื่อมนุษยชาติ.....จงอย่าละความกล้า
เมื่อเผชิญกับความทุกข์ .. ให้อดทนและสุขุม
และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า
ไปเถิด....ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ”
บทประพันธ์ข้างต้นเป็นบทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงประพันธ์ขึ้นในปี 2519 สะท้อนถึงคำสอนของ “พ่อ” ในยามที่เห็นลูกเหน็ดเหนื่อยท้อแท้ พสกนิกรทั่วไทยต่างประกาศก้อง “ทำดีเพื่อพ่อ” “เดินตามรอยพ่อ” ด้วยการใส่เสื้อสีเหลือง แต่จะมีสักกี่คนที่ “ทำดีเพื่อพ่อ” และ “ฟังคำพ่อ”
ในยามที่เผชิญกับวิกฤติ โดยเฉพาะในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ยินได้ฟังกันทุกวันนี้คือ “ประชาชนแห่กักตุนของกินของใช้” “นักธุรกิจไม่กล้าลงทุน” “พ่อค้าไม่กล้ารับซื้อสินค้าเกษตร” ทั้งหมดเป็นการแสดงออกถึง การเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน การทำดีเพื่อพ่อ จึงเป็นดั่งปากว่าตาขยิบ คำสอนของพ่อ ที่ว่า เมื่อเผชิญกับความทุกข์...ให้อดทนและสุขุม และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า เป็นเพียงคำกล่าวลอยๆ ที่ไม่ได้มีความหมายอันใด ป้ายโฆษณาใหญ่โตบนทางด่วนที่ว่า “รักพ่อ เชื่อพ่อ รู้จักพอ” ก็ดูจะเป็นแค่ การสร้างภาพ เพื่อให้เข้ากับยุค ความคิดเศรษฐกิจพอเพียง เฟื่องฟูไปอย่างนั้นเอง ดูจะไม่ได้มีความหมายใดๆ ในทางปฏิบัติทั้งสิ้น ยามเศรษฐกิจขาขึ้น ทุกคนหัวใจพองโต มีความสุขกับการตักตวง แต่ยามเศรษฐกิจขาลงไม่มีใครคิดที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตนแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเช่นนี้จงหยุดใส่เสื้อสีเหลืองให้อายลูกหลานว่าดีแต่ปาก พระองค์ท่านสอนให้ใช้ปัญญา ใช้คุณธรรม และความกล้าหาญในการแก้ปัญหาเมื่อเผชิญกับวิกฤติ
รู้จักหยุดคิด นิ่ง และมีสติ ใช้เหตุผล และการพึ่งตนเองเป็นทางออก เราเคยถามตนเองบ้างไหมว่า วิกฤติบ้านเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เกิดจากอะไร เกิดจากเพราะประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตยหรือ อาจารย์ยักษ์อยากถามต่อว่า ประชาธิปไตยที่เราโหยหานั้นเกิดจากการที่คนไทยรู้จักกำพืดของตนดีพอหรือยัง รู้จักตัวตนของเราดีพอหรือยัง รู้จักรากเหง้า รู้จักวัฒนธรรมของเราดีพอหรือยัง ที่จะเชื่อว่า ประชาธิปไตยที่เรากำลังสร้างอยู่นั้นเป็นทางออกของการเมืองไทยจริงๆ 50 ปีบนเส้นทางการสร้างประชาธิปไตย เราได้คำตอบอะไร หรือเราเป็น นกขุนทอง แต่อยากจะยิ่งใหญ่คับฟ้าเหมือนพญาอินทรี ต้องเหินบินเหมือนพญาอินทรี อยู่กินอย่างพญาอินทรีให้ได้ เราจึงจะมีความสุขกัน ทำไมไม่คิดว่า การอยู่อย่างนกขุนทองก็สามารถสง่างามและภาคภูมิใจ มีความสุข อย่างนกขุนทอง ที่คงเอกลักษณ์ คงความดีงามอย่างนกขุนทองได้ ไม่มีใครตั้งคำถามเลยหรือว่า ความคิดที่อยากจะเป็นอย่าง พญาอินทรี นั่นแหละคือที่มาของปัญหาทั้งปวงที่เรากำลังเผชิญอยู่ เพราะความคิดนี้อยู่บนรากเหง้าของการปฏิเสธความเป็นตัวตนของตนเอง ปฏิเสธวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญาของตนเอง พูดง่ายๆ ปฏิเสธจิตวิญญาณของตนเอง ต้องการสวมใส่จิตวิญญาณที่เข้ากันไม่ได้ของคนอื่น ร่างนี้จึงสับสนนัก
คนไทยที่ใส่เสื้อเหลืองทุกท่าน ไม่ต้องถามว่า วันนี้ท่านทำดีเพื่อพ่อหรือยัง แต่จะถามว่า วันนี้ท่าน ฟัง คำ “พ่อ” กันหรือยัง