9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
“มิถิลา” ยังไม่สิ้นคนดี
“มิถิลา” ยังไม่สิ้นคนดี
เรื่องราวความเป็นไป และปัญหาของเมืองมิถิลา ที่สะท้อนในบทพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” คงไม่แตกต่างกับปัญหาของเมืองไทยที่พระองค์ท่านต้องการชี้ให้เห็น มิถิลายังไม่สิ้นคนดี แล้วสยามประเทศล่ะ สิ้นคนดีหรือยัง ความรู้สึกของผู้คนของสยามประเทศขณะนี้ดูหดหู่ มองไปยังที่ใดก็ดูจะไร้ความหวัง แม้รัฐบาลที่มีภาพพจน์ว่าเป็น “คนดี” ที่มีทั้งอำนาจ กฎหมาย เงิน เครื่องไม้เครื่องมือ กระบอกเสียง ยังดูไร้พลัง ยังไม่สามารถจะเคลื่อนหรือทำอะไรได้ จะหา “คนดี” จากชาวบ้านตาดำๆ ได้จากที่ไหน
แต่ตัวอย่างความสำเร็จของพลังความร่วมมือที่สะท้อนว่า มิถิลา สยามประเทศยังไม่สิ้นคนดี ฉายแววเปล่งประกายรัศมีเจิดจ้าอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อเบญจภาคี จากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม-สื่อ และภาคประชาชน สามารถประกอบร่าง เป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อร่วมกันพลิกฟื้นแผ่นดินที่ครั้งหนึ่งเคยมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ แต่บัดนี้ถูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวจากต่างชาติอย่างต้นยูคาลิปตัส รุกรานยึดครองและแทบสูญสิ้นเอกราช ให้กลับฟื้นคืนชีพ การประกอบร่างของเบจญภาคีเกิดขึ้นสมบูรณ์อย่างเป็นทางการในการลงนามของทุกภาคีเมื่อวันศุกร์ที่ 30 มีนาคมนี้ ภายใต้โครงการ “เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพลังงานทดแทนและป่าต้นน้ำ จังหวัดสระแก้ว” ในอันที่จะขับเคลื่อนให้ผืนดินที่แห้งแล้งกลับมาชุ่มชื้นด้วยป่า มีน้ำ มีพลังงาน สร้างเส้นทางแห่งการพึ่งตนเอง และ ภูมิคุ้มกัน ให้กับชุมชนคนสระแก้ว ซึ่งจะกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่นได้เรียนรู้ และทำตาม
แต่ความสำเร็จข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ อย่างไร้เหตุผล เป็นความสำเร็จที่เกิดจาก ความรู้ที่ถูกต้อง ความเพียรอันบริสุทธิ์ และจิตสำนึกเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติเป็นที่ตั้ง โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญยิ่ง 4 ประการ
1 เริ่มต้นจากความคิด ความเชื่อ จิตใจที่มั่นคง ชัดเจน ว่าการดำเนินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงคือทางรอดของประเทศ องค์ความรู้และศาสตร์ที่ พระองค์ท่านได้ให้ไว้ คือหนทางที่ดีที่สุดในการแก้วิกฤตของประเทศ ความสมดุลย์ระหว่างระบบนิเวศน์ และระบบเศรษฐกิจคือหนทางแห่งการพัฒนาที่ถูกต้องยั่งยืน เราจะเอาระบบเศรษฐกิจนำและทำลายระบบนิเวศน์ไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับเราทำลายตัวเอง หากเราได้ระบบนิเวศน์ที่สมดุลย์กลับคืนมา ระบบเศรษฐกิจที่มั่นคง ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ก็จะกลับคืนมา นำมาซึ่งความสุข ความอุดมสมบูรณ์ให้กับผู้คนอย่างแน่นอน
2 เงื่อนไขสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ความรู้ และเคล็ดลับ ลำพังจิตใจและความเชื่อที่มั่นคงอย่างเดียวคงไม่ก่อให้เกิดอะไร หากไม่มีความรู้ และเคล็ดลับ ที่จะผลักดันให้เกิดเป็นผลในทางปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น ความรู้ในการแก้ปัญหาดินเสื่อม ดินเค็ม โดยใช้หลัก “ห่มดินแล้วให้อาหารดิน” ความรู้ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยใช้หลัก “สร้างทางน้ำหลาก” และ “แก้มลิง” รู้จักบำบัดน้ำเสีย ด้วยวิธีการ “อธรรมปราบอธรรม” เหล่านี้เป็นความรู้ เป็นเคล็ดลับที่ขาดเสียไม่ได้
3 การวางแผนเตรียมการ และสร้างทุนสำรอง หากเปรียบง่ายๆ กับคนคนหนึ่งที่มีจิตใจเชื่อมั่น เปี่ยมล้น มีความรู้เต็มสมอง แต่ร่างกายที่ต้องเป็นตัวขับเคลื่อน กระทำให้เกิดเป็นผล เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ ไม่มีแรงแม้จะเดิน สามวันดี สี่วันไข้ เราคงนึกไม่ออกว่าบุคคลนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร มนุษย์ต้องมีทุนสำรองทางสุขภาพที่ดีเช่นไร ประเทศชาติก็เฉกเช่นเดียวกัน ต้องมีทุนสำรองทางธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสังคมที่ดีเช่นนั้น ถ้ารู้ว่าปัญหาจะมา น้ำจะท่วม แต่หากไม่มีการเตรียมการอะไรเลย ปัญหาก็จะเกิดซ้ำซาก ซ้ำเติมภูมิคุ้มกันให้ต่ำลง ต่ำลง จนในที่สุดหมดปัญญาเยียวยาแก้ไข ปัญหาก็จะกลายเป็นวิกฤต การสร้างทุนสำรองที่เร่งด่วนที่สุดของสยามประเทศในขณะนี้คือ การสร้างดิน สร้างป่า สร้างน้ำ ให้ฟื้นคืนชีวิตกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ซึ่งก็จะเป็นปราการในการ “คุ้มภัย” ให้เราเอง
4. เงื่อนไขสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือระบบบริหารจัดการ การประสานความร่วมมืออย่างเป็นระบบของทุกฝ่าย ปัญหาที่สยามประเทศเผชิญอยู่ในขณะนี้มากมาย และวิกฤติเกินกว่าที่จะแก้โดยลำพังของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การประสานร่างของเบญจภาคีในจังหวัดสระแก้ว สะท้อนถึงการให้ความสำคัญของเงื่อนไขในข้อนี้ และก็เป็นที่ประจักษ์ว่า เงื่อนไข 3 ประการข้างต้น จะดำรงอยู่ไม่ได้เลย หากขาดเงื่อนไขของการรวมพลัง และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพให้พลังนั้นแปรสภาพเป็น movement organization ที่จะผลักดันให้การเคลื่อนไหว เกิดเป็นผลสัมฤทธิ์ เกิดการแก้ปัญหาที่เป็นจริง เงื่อนไขความสำเร็จในการแก้ปัญหาของประเทศสี่ข้อนี้ รัฐบาลขาดข้อไหน ใครตอบได้มีรางวัล