9 ฐานเรียนรู้
ความรู้ที่น่าสนใจ (Documents on web)
ติดต่อเรา
มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ
เลขที่ ๑๑๔ ซอย บี ๑๒ หมู่บ้านสัมมากร สะพานสูง กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐
สำนักงาน ๐๒-๗๒๙๔๔๕๖ (แผนที่)
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง 038-198643 (แผนที่)
User login
ลิงค์เครือข่าย
ขยันให้พอ รู้จักพอ ร่ำรวยพอดี (3)
ขยันให้พอ รู้จักพอ ร่ำรวยพอดี (4)
เสาร์ที่แล้วโหมโรง เรื่อง “การจัดการกับวิกฤต” หรือ Crisis Management ไว้ว่าปัญหาวิกฤต 4 ด้าน ทั้ง “ภัยธรรมชาติ” “โรคระบาด” “ข้าวยากหมากแพง” และ “วิกฤตพลังงาน” จะเป็นวิกฤตที่รายล้อมประเทศจนมึน ตั้งตัวไม่ติด ลำพังภาครัฐคงจัดการกับปัญหาวิกฤตเหล่านี้ตัวคนเดียวเห็นจะไม่ได้ ต้องอาศัยการ “รวมร่าง” หรือ “ประกอบร่าง” จากเบญจภาคี (รัฐ เอกชน ประชาชน วิชาการและเอ็นจีโอ) จึงพอจะเห็นโอกาสที่จะ “แผลงฤทธิ์” สู้กับวิกฤตที่นับวันจะรุนแรง และมีอาการ “วิปริต” ได้อย่างเห็นผล
ขออนุญาตชวนพี่ ๆ ครม.ไปพักผ่อนคลายเครียดวันหยุด สักสองสามวันครับ ไปดูวิธี “ประกอบร่าง” เบญจภาคี ของพวกเราสักหน่อย ขอยกตัวอย่างของการ “ประสานร่าง” ของภาคเครือข่ายประชาชน เอกชน ราชการ วิชาการและเอ็นจีโอ ของพวกกระผม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของ “พ่อหลวง” เพื่อต่อสู้กับ “วิกฤตพลังงาน” อย่างเป็นรูปธรรมที่จังหวัดสระแก้ว
ถ้าใครรู้จักจังหวัดสระแก้วก็จะรู้ว่าเป็นจังหวัดที่แห้งแล้งมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่ประสบภัยแล้งครบทุกหมู่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่าง ยูคาลิปตัส แถมทำร้ายพระแม่ธรณีด้วยการพ่นทั้งปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง อย่างไม่บันยะบันยัง ขณะนี้เกิดขบวนการ “ประกอบร่าง”จาก 5 ภาคีที่จะพลิกฟื้นจังหวัดสระแก้วจำนวนแสน ๆ ไร่ให้เป็นจังหวัดที่มีแหล่งน้ำ มีป่า มีความชุ่มชื้น ชาวบ้านพึ่งตนเองได้ และที่สำคัญเกิดการปฏิรูปที่ดินที่มาจากความยินยอมพร้อมใจของชาวบ้าน ฟังดูแล้วเหมือนกระผมกำลังโม้ กำลังคุยโอ้อวดใช่ไหมครับ ทั้ง ๆ ที่แนวคิดอย่างนี้ไม่ใช่ของใหม่ ภาครัฐก็คิดออก คิดได้มาตั้งนานแล้ว แถมมีทั้งงบประมาณ มีคน มีเครื่องไม้เครื่องมือ เพียบพร้อม แต่ก็ยังเคลื่อนอะไรไม่ออก ถ้าให้เดา ก็คงขาดแต่ “ใจ” ที่จะผลักดันให้เกิดเป็น “ของจริง” ขึ้นมา
“ขบวนการเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อพ่อหลวง” ที่ก่อเกิดในจังหวัดสระแก้วของพวกกระผม กำลังจะก่อตัวเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง “ขั้นก้าวหน้า” โดยร่วมมือกันระหว่างเอกชน มูลนิธิ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร นักวิชาการมหาวิทยาลัย เครือข่ายชาวบ้าน รวมทั้ง อบต. และ กศน. พลิกฟื้นผืนดินที่เคยปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นพื้นที่ที่มี “สังคมพืช” ที่ประกอบด้วย “ป่า 3 อย่าง” “พันธ์พืชนานาชนิด” และที่สำคัญ “อ้อย” ที่จะแปลงเป็น “พลังงานทางเลือก” ให้กับสังคมไทย โดยขบวนการผลิตทุกขั้นตอนเป็นเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ จากการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่มีที่ดินทั้งขนาดเล็กตั้งแต่ 1 ไร่ จนถึงระดับนายทุนที่มีที่ดินนับหมื่นไร่
ครอบครัวเกษตรกรนับพันนับหมื่นครอบครัวจะหันกลับมาพึ่งตนเองด้วยการผลิตปุ๋ย ผลิตยา ไม่สร้างมลพิษให้กับผืนดินอีกต่อไป เพียงแค่นี้ ความหวังที่ชาวบ้านจะ “พออยู่ พอกิน” ก็เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะเห็น “อ้อยอยู่คู่กับป่า” นับจำนวนแสนไร่ ชาวบ้านนอกจากจะมีรายได้จากการขายอ้อยแล้ว ยังสามารถยังชีพได้อย่างพอเพียงกับผลผลิตที่เกิดจาก “ป่า 3 อย่าง” มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นจากระบบนิเวศน์ที่สมดุล มีแหล่งน้ำ มีความชื้นสัมพัทธ์ที่เกิดจาก “ป่า” ซึ่งจะยังให้เกิดความชุ่มชื้นกับผืนดิน นอกจากนี้ยังจะเป็นแหล่งก่อเกิด “ออกซิเจน” จำนวนมหาศาล รวมถึงความสามารถในการพึ่งตนเองทาง “พลังงาน” และที่สำคัญเป็น “พลังงานสะอาด” ที่โลกเรากำลังต้องการอย่างยิ่งกับการต่อสู้กับภาวะ “โลกร้อน” ที่กำลังคุกคามมนุษยชาติอยู่
ขบวนการทำเพื่อ “พ่อหลวง” ของพวกกระผมยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน วันหลังจะพาพวกพี่ ๆ ไปเยี่ยมชมขบวนขับเคลื่อนที่ “คึกคัก คล่องแคล่ว ครื้นเครง” ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในภาคส่วนต่าง ๆ เอาแค่ตัวอย่างเป็นน้ำจิ้ม เช่น ภาคการศึกษาใกล้ ๆ ตัวในกรุงฯ ที่ รร.วชิราวุธวิทยาลัย ตอนนี้เกิดขบวนการปฏิวัติการศึกษากู้ชาติกันแล้ว ผนึกกำลังกันทั้งอาจารย์ ผู้บริหาร และนักเรียนที่กำลังร่วมแรงร่วมใจกันเปลี่ยนโรงเรียนที่ต้องพึ่งคนอื่นมา “พึ่งตนเองอย่างสมบูรณ์” โดยขบวนการที่เรียกตัวเองว่า “VC-SEM Vajiravudh College-Sufficiency Economy Movement“ เอาตัวอย่างที่ไกลขึ้นไปอีกหน่อยของภาคการท่องเที่ยว ที่ “ชุมพรคาบาน่า” ตัวอย่างของความสำเร็จของเอกชนด้านการท่องเที่ยวที่สามารถเป็น “แบบอย่าง” ของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง หรือถ้ายังไม่เชื่อ เชิญมาพิสูจน์ด้วยตาตนที่จังหวัดสระแก้วในการประชุม ขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงจากเบญจภาคี ที่หอประชุมใหญ่ศาลากลางจังหวัด วันที่ 6 ธันวาคม เวลา 9 โมงถึง 3 โมงเย็น แล้วพบกันนะครับ