เมื่อเอ่ยถึงพลังงาน คนไทยจำนวนมากกำลังเจ็บปวดกับราคาน้ำมันที่มีแต่ถีบตัวสูงขึ้น และกำลังกัดกร่อนชีวิตกรัดกร่อนเงินในกระเป๋าของคนไทยจนเลือดไหลซิบ ๆ ใครที่ไม่เคยเห็นน้ำมันแตะลิตรละ 50 บาท คงจะได้เห็นเร็วๆ นี้ ทุกคนตกอยู่ในสภาพดิ้นตายเอาตัวรอดตามชะตากรรมของแต่ละคน การแก้ปัญหาพลังงานของประเทศไทยดูเหมือนจะเข้าตำรา ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา จะคิดจะแก้ก็ต่อเมื่อถึงตาอับจน จนตรอกจริง ๆ มักจะมีคนตั้งข้อสังเกตว่า คนไทยเป็นคนประมาท ไม่ค่อยวางแผน ไม่ค่อยเตรียมการ ยิ่งถ้าพูดโดยเชื่อมโยงกับปัญหาพลังงานของประเทศ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อสังเกตข้างต้นถูกต้อง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ดูเหมือนจะเกิดเพราะความจำเป็น และเพราะเข้าตาจน มีวิกฤต ปัญหาก็จะได้รับความสนใจและแก้ไข ถ้าไม่ถึงทางตันปัญหานั้นก็จะถูกดองถูกเก็บไม่มีใครสนใจ พลังงานถูกทำให้มองเป็นเรื่องไฮเทค ยุ่งยากซับซ้อน จนชาวบ้านเข้าไม่ถึง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือความจงใจ เพราะเป็นที่รู้กันว่าถ้าใครสามารถผูกขาดพลังงานได้ ผู้นั้นก็กุมชะตาชีวิตของประเทศชาติได้

คำถามที่ต้องถามคือ นอกจากปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติแล้ว ประเทศไทยไม่มีศักยภาพในการสร้างหรือผลิตพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เลยหรือ คำตอบคือ ศักยภาพมี แต่หาไม่เจอ ประเทศไทยมีธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่จะนำมาสร้างพลังงานมากมาย แต่ขาดคนมี ปัญญา ทำให้มันเกิดพลังงานทางเลือกประกอบไปด้วย พลังงานจากพืช และสิ่งมีชีวิต( ชีวมวล) พลังงานจาก แสงอาทิตย์ น้ำ ลม คลื่น แม้กระทั่งความร้อนจากใต้พิภพก็สามารถเป็นแหล่งพลังงานได้ ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะสร้างพลังงานจากพืช ไม่ว่าจะเป็น อ้อย ปาล์ม สบู่ดำ มะพร้าว ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของไบโอดีเซล เอธทานอล มากมาย เรามีศักยภาพที่จะเป็นเจ้าพลังงานจากพืชเหมือนบราซิลถ้าเรามีผู้บริหารที่มีความรู้และคุณธรรมมากกว่านี้ เรามีเศษวัสดุจากพืช สิ่งมีชีวิต มากมายที่จะนำมาผลิตพลังงานชีวมวล ซึ่งไม่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงมากมายอะไร หลาย ๆ ประเทศที่ล้าหลังกว่าไทยก็ประสบผลสำเร็จในการสร้างพลังงานชีวมวลมาแล้ว ยิ่งเมื่อกล่าวถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ในฐานะคนไทยที่อยู่กับแสงอาทิตย์มาตลอดชีวิต เคยสงสัยว่า บ้านเมืองอื่นที่เขาขาดแสงอาทิตย์ ปี ๆ หนึ่งมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบางประเทศไม่ถึง 3 เดือน บางประเทศแค่เดือนเดียวก็ยากแล้ว ทำไมยังสามารถผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ แล้วคนไทยหล่ะที่ตื่นมาสิ่งแรกที่เห็นคือแสงอาทิตย์ แต่ทำไมอับจนปัญญาไม่สามารถนำเอาสิ่งที่มีเหลือล้นมาสร้างให้เกิดประโยชน์ได้ ทั้งที่มีมากมาย ไม่ต้องซื้อต้องหา

เชื่อหรือไม่ว่าแม้กระทั่ง น้ำขึ้น น้ำลง มนุษย์ก็สามารถผลิตเป็นพลังงานได้ พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง เป็นภูมิปัญญาเก่าแก่ที่ใช้กันมาตั้งแต่ยุคกลางและยุคโรมัน เพียงอาศัยหลักการเคลื่อนที่ของกระแสน้ำขึ้น และกระแสน้ำลงก็ผลิตพลังงานได้แล้ว ยิ่งพูดถึงพลังงานจากลม คนเฒ่าคนแก่หลายคนยังจำวันวานที่กังหันลมอยู่คู่กับท้องทุ่งท้องนาไทยได้ พลังงานลมที่ชาญฉลาดราคาถูกมันหายไปจากสังคมไทยได้อย่างไร และทำไมเราจึงมาเน้นแต่การสร้างเขื่อนที่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล และต้องทำลายฝืนป่าจำนวนนับแสนๆ ไร่ จนละเลยการพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ประเทศไทยมีความยาวรอบฝั่งทะเลถึง 1500 ไมล์ทะเล มีคลื่นกระทบฝั่งมากมายที่เป็นแหล่งพลังงานจากคลื่น มีใครเคยคิดเอามาใช้ประโยชน์บ้างไหม หากพิจารณาโดยรอบ เรามีพลังงานทางเลือกมากมาย ธรรมชาติได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้กับประเทศไทยไว้พร้อมแล้ว ขอแต่เราได้ใช้ปัญญา พินิจพิเคราะห์ ดึงเอาสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้รอบกายมาใช้ให้เหมาะกับตัวเองเท่านั้น คำถามที่ต้องถามต่อไปคือ ทำไม การหาพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก จึงยังเป็นปัญหาสำหรับสังคมไทย ทั้ง ๆ ที่เรามีพืช มีน้ำ มีลม มีแสงแดด มีคลื่น มีปิโตรเลียม มีแก๊ส แต่คนไทยต้องร่ำไห้กับภาวะขาดแคลนพลังงาน ช่างเป็นสังคมที่เหมือนเมืองมิถิลาในบทพระราชนิพนธ์พระมหาชนกไม่ผิดเพี้ยนดังคำพูดที่ว่า "นับแต่อุปราชจนถึงคนรักษาช้างคนรักษาม้า และนับแต่คนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้วิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรมดา” ยิ่งเราได้รัฐมนตรีพลังงานที่เป็นนางพยาบาลก็คงจะยิ่งตอกย้ำว่าคนทั้งสังคมขาดทั้งความรู้วิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือ ความสำนึกธรรมดา มากขนาดไหน ก่อนจะสร้างความยั่งยืนและสร้างความพอเพียงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย เราคงต้องปฏิวัติการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ การเมืองเสียก่อน ตอนนี้ต้องร้องไห้ ควักกระเป๋าซื้อน้ำมันแพงและ ร้องเพลง “รอ” ไปก่อนนะ คนดีประเทศไทย