Eco Village ชุมชนคนรักษ์โลก 3

          อาจารย์ยักษ์ได้ขายฝันถึงชุมชนคนรักษ์โลก Eco Village ใน 2 สัปดาห์ที่แล้ว ได้พูดถึงแนวคิดและรูปธรรมที่จะเกิดขึ้นในชุมชนแห่งนี้ ภาวะแปรปรวนทางธรรมชาติโดยเฉพาะดินฟ้าอากาศในระยะนี้ยิ่งทำให้คิดว่าการสร้างชุมชนคนรักษ์โลกขึ้นมาใหม่ มิใช่สิ่งที่เป็นแค่ความฝันอีกต่อไป เป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เกิดขึ้น เราพูดถึงการอยู่กับธรรมชาติแทนการเอาชนะธรรมชาติ พูดถึงการสร้างชุมชนที่เป็นชุมชนทางเลือกด้านอาหาร สุขภาพ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการศึกษา รวมทั้งเป็นที่อยู่อาศัย ที่ทำงานในตัว เป็นเสมือนหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีองค์ประกอบด้านชีวิตความเป็นอยู่อย่างครบถ้วนและพอเพียง ยังมีอีก 4 แนวคิดพื้นฐานของชุมชน Eco Village แห่งนี้ที่ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน

4 ไม่แบ่งแยกชนชั้น คนจน คนรวย อยู่ด้วยกันอย่างพึ่งพากัน

เงินมิได้เป็นสิ่งสำคัญ และมิได้เป็นปัจจัยกำหนดว่า คนมีเงินเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการเข้าไปอยู่ในชุมชน เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อเกิดวิกฤติ เงินก็เป็นเพียงแค่กระดาษ โบราณท่านสอนว่า เงินคือของมายา ข้าวปลาคือของจริง การอยู่อย่างเข้าใจและพึ่งพากันเท่านั้นที่จะเป็นทางรอด คนมีเงินก็อุทิศเงิน คนมีแรงก็อุทิศแรงในการร่วมกันสร้างชุมชนแห่งนี้ การได้อาหารที่สะอาดปราศจากสารพิษไม่ได้มีแต่เงินแล้วจะสร้างได้ ยังต้องการแรงและความรู้มากมายในการเนรมิต ป่า 3 อย่าง นาข้าวปลอดสารพิษ ข้าวปลาพืชผักต่างๆ การเข้ามาอยู่ในชุมชนของคนไม่มีเงิน แต่มีแรง มีความเชี่ยวชาญจึงเป็นคุณูปการอย่างใหญ่ที่คนมีเงินต้องพึ่งพา

5 ไม่แบ่งแยกศาสนา ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

มนุษย์ทุกชาติทุกศาสนาล้วนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ทุกศาสนาโดยแก่นแท้แล้วสอนให้คนเป็นคนดี ทุกศาสนาจึงควรจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ในชุมชนคนรักษ์โลกแห่งนี้จะมีสถานปฏิบัติกิจทางศาสนาของทุกศาสนาทั้งวัด โบสถ์ และสุเหร่าเพื่อให้เป็นที่พึ่งทางจิตวิญญาณของชนทุกศาสนาได้เท่าเทียมกัน

6 มีสัตว์นานาพันธุ์เป็นเพื่อนบ้าน มีผู้คนรอบชุมชนเป็นรั้วแทนผนังอิฐ

เป็นเรื่องน่าขำที่มนุษย์ยิ่งเจริญ ก็ยิ่งสร้างกรงขังไว้กักขังตนเอง ชุมชนที่ต้องมีรั้วรอบขอบชิดกันการบุกรุก บ้านที่ต้องติดเหล็กดัด เสมือนคุก ต่างกันแต่เหล็กนั้นมีลวดลายดูอ่อนช้อย สะท้อนความกลัวที่ครอบงำในจิตใจ สะท้อนความระแวง สงสัย ไม่ไว้ใจกันของมนุษย์  แต่ Eco Village แห่งนี้จะปลดปล่อยความกลัว ระแวง ไม่ไว้ใจกันนี้ออกไป คนสามารถอยู่กับสัตว์ได้อย่างเป็นมิตร แทนการเป็นศัตรู ไม่มีผนังอิฐเป็นรั้ว แต่เราจะมีผู้คน เพื่อนบ้านรอบชุมชนเป็นรั้ว มีป่า มีคลอง และธรรมชาติเป็นรั้ว

7 เป็นชุมชนของคนรักษ์โลก และเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่เพื่อสร้างสรรค์โลก แทนการทำลาย

เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าโลกมนุษย์นั้นเปราะบางมากกว่าที่มนุษย์คิดไว้มากนัก ระบบนิเวศของโลกไม่อาจทนทานต่อการทำลาย ทำร้ายของมนุษย์อีกต่อไป จึงแสดงอาการป่วยขั้นรุนแรงยากต่อการเยียวยา  การดำรงชีพของมนุษย์ต่อแต่นี้ไปจึงต้องหยุดทำร้ายโลกใบนี้อย่างเด็ดขาด ในชุมชนจึงต้องกอปรด้วยผู้คนที่ต้องยอมสละความสะดวกสบาย อยู่อย่างพอเพียง ลดละความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยอันเป็นสาเหตุของขยะที่ล้นโลก เรียนรู้การรักษาดิน น้ำ ป่า เรียนรู้การนำสิ่งของกลับมาใช้ใหม่ รู้จักการซ่อมแซมแทนการซื้อใหม่ มีชีวิตที่รู้จักคิดถึงคนอื่น ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่า เพราะทรัพยากรธรรมชาติเป็นของทุกๆ คน  และมีอยู่อย่างจำกัด

ทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมานี้ หลายคนคงคิดว่าอาจารย์ยักษ์กำลังเพี้ยนหนักที่จะสร้างชุมชนพระศรีอารยะขึ้นในเร็ววัน อยากจะบอกว่าสิ่งมหัศจรรย์บนโลกนี้เกิดจากคน “เพี้ยน” ทั้งนั้น และเชื่อว่าการสร้าง Eco Village แห่งนี้ก็จะเป็นที่รวมพลของคนเพี้ยนมากมาย แต่เป็นคน “เพี้ยนดี” นะจะบอกให้